"ฮือฮาทั่วเมืองกาญจน์" 2 สามีภรรยาเศรษฐีดังเมืองกาญจนบุรีทำพิธีทางศาสนาสวดมนต์เย็น 3 คืน ให้กับ "น้องยูโร" สุนัขพันธุ์ปั๊ก อายุ 13 ปี เหตุทั้งรักและผูกพันเหมือนลูก พร้อมบริจาคเงินทำบุญอีกกว่า 5 ล้านบาทหวังชาติไปเกิดในภพภูมิที่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 พ.ค.62 ที่ผ่านมา พบเพจเฟสบุ๊กของบุคคลที่ใช้นามว่า "aoy apache" หรือ "อ้อย อาปาเช่" ได้นำภาพการจัดงานศพให้กับสุนัขพันธุ์ปั๊ก มาโพสต์ลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว ซึ่งขั้นตอนและวิธีการเสมือนการตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมศพให้กับมนุษย์ทุกประการ
นอกจากนี้บุคคลดังกล่าวยังได้เขียนบรรยายข้อความเอาไว้ด้วยว่า "ร่วมงานไว้อาลัยสิ่งที่รักที่หวงที่สุด..ในครอบครัวสมบูรณ์ทรัพย์ "น้องยูโร" ร่วมบุญกุศลให้น้องยูโร...พี่ตูนทำบุญให้วัดรางหมัน 5 ล้านบาท และมอบเงินให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ อีก 1 แสนบาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ดำน้ำ เพื่อเป็นสาธารณกุศล เพื่อส่งให้น้องยูโรไปอยู่ในภพภูมิที่ดี....ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักครับ"
การที่บุคคลที่ใช้นามว่า “aoy apache” หรืออ้อย อาปาเช่ นำภาพดังกล่าวมาโพสต์พร้อมกับบรรยายข้อความเอาไว้นั้น สร้างความสนใจและแปลกใจให้กับประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นอย่างมาก ผู้สื่อข่าวจึงประสานคุณ “aoy apache” หรืออ้อย อาปาเช่ เพื่อให้นำพาไปพบกับครอบครัว สมบูรณ์ทรัพย์ เพื่อขอสอบถามถึงความเป็นไปเป็นมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ต่อมาเวลา 19.30 น.ของวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางยังสถานที่การตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมให้กับ น้องยูโร อยู่ภายในบ้านเลขที่ 111 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไปถึงพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์หรูหลังขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ในเนื้อที่ที่กว้างขวาง บริเวณโดยรอบจัดเป็นสวนหย่อมได้อย่างสวยงาม
สำหรับบรรยากาศ มีการนำเก้าอี๊มาตั้งรอรับแขกที่จะเดินทางมาร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรม เกือบ 100 ตัว นอกจากนี้ แม่ครัวยังได้ทำอาหารคาวหวานเพื่อรอรับแขกที่เดินทางมาร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรมในเวลา 20.00 น.อีกด้วย
ทั้งนี้ นายพรพิทักษ์ หรือเสี่ยตูน และคุณนภัสนันท์ หรือ คุณนิ สมบูรณ์ทรัพย์ สองสามีภรรยา เจ้าภาพการจัดงานศพและเป็นเจ้าของคฤหาสน์หรูหลังดังกล่าว ได้เล่าถึงความเป็นมาในการจัดงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้กับ น้องยูโร สุนัขพันธุ์ปั๊ก ให้ฟังว่า " เรานำน้องยูโร มาเลี้ยงตั้งแต่มีอายุได้เพียงแค่ 20 วันจนกระทั่งน้องยูโรได้เสียชีวิตลงในวัย 13 ปี หากจะเปรียบอายุของคนกับสุนัขก็เท่ากับว่าน้องยูโรมีอายุยืนถึง 91 ปี (1 คูณ 7 ปี) โดยตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเรามีความผูกพันกับน้องยูโร โดยไม่เคยคิดว่าน้องยูโร เป็นอย่างอื่นนอกจากคิดว่าเป็นคนและเรารักน้องยูโรเหมือนลูกคนหนึ่ง
เวลานอนเราก็นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เรียกได้ว่าเรานอนหนุนหมอนคนละครึ่งใบเลยก็ว่าได้ ถามว่าเราสองคนมีความผูกพันกับน้องยูโรมากน้อยแค่ไหน ตอบได้เลยว่าเรามีความผูกพันกับน้องยูโรมากกว่าลูกเสียอีก เพราะลูกต้องไปเรียนหนังสือ ทำให้เราสามีภรรยาต้องอยู่บ้านกันเพียงลำพังสองคน
พูดกันง่ายๆ นอกจากน้องยูโรจะนอนเตียงเดียวกันกับเราแล้ว น้องยูโรยังกินข้าวกับเราสองคนบนโต๊ะเดียวกันอีกด้วย เพื่อนฝูงทุกคนที่มาเยี่ยมที่บ้านต่างก็รู้กันเป็นอย่างดี หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จก็จะขึ้นไปนอนพร้อมกัน ซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกวันมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เราสองคนจึงมีความผูกพันกับน้องยูโรเหมือนเป็นลูกในไส้จริงๆ
ด้วยความสำนึกของคน เมื่อเราเคยนอนอยู่ด้วยกันและกินอยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา เมื่อวันหนึ่งต้องมีการพัดพรากจากกัน ถามว่าความรู้สึกของคนเมื่อมีการพัดพรากจากกันจะมีความรู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกเลยว่าเราสองคนสามีภรรยา ยังรู้สึกทำใจไม่ได้ เราอยู่ด้วยกันเราก็มีความรัก เมื่อเขาจากเราไปแล้วเราจะทำอย่างไรดี เพราะเรารักเขาเหมือนลูก
จึงคิดว่าเมื่อเราเกิดมาในศาสนาพุทธ เราจึงต้องการให้เขาได้ไปเกิดใหม่ในภูมิภพที่ดีๆ อะไรที่เราทำได้เราก็จะทำ ถามว่าจะให้เรานำไปฝังเหมือนกับคนที่รักสุนัขด้วยกันทั่วๆไปไหม คนอื่นอาจจะทำอย่างนั้น แต่ส่วนตัวของเราแล้ว น้องยูโร คือลูกของครอบครัวเราคนหนึ่ง จึงทำอย่างนั้นไม่ลงคอ เราสองคนสามีภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะความรักความผูกพันของเรามันยิ่งใหญ่เกินคำอธิบาย
ดังนั้น สิ่งที่เราทำให้กับน้องยูโร ในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ตัวตนของเขาได้รับในสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในชาติหน้า คืนวันแรกที่น้องยูโรเสียชีวิตคือวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวของเราได้โทรไปปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดประชาราษฎร์บำรุง หรือวัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เรานับถือมานาน เจ้าอาวาสได้แนะนำให้เราทำบุญกรวดน้ำไปให้ 3 เช้าและให้เราทำบุญสวดมนต์เย็น 3 วัน เราจึงทำตามคำแนะนำของท่านเจ้าอาวาสทุกอย่าง
ย้อนกลับไปเกี่ยวกับเรื่องการเก็บศพ ซึ่งก็มีคนแนะนำให้นำไปฝัง หรือแม้กระทั่งนำร่างน้องยูโรไปเผาก็มี แต่เมื่อเราทำไม่ลงคอ จึงตัดสินใจสร้างสุสานขึ้นมาภายในบริเวณบ้าน เพื่อเป็นที่เก็บร่างของน้องยูโร และเราคิดว่าในเมื่อน้องยูโรเขาเสียไปแล้ว เราก็ต้องการทำบุญเพราะเราสองคนภรรยาชอบทำบุญอยู่แล้ว โดยในพื้นที่มีมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์เครื่องดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของผู้สูญหาย ซึ่งจะต้องใช้เงินซื้ออุปกรณ์ชนิดดังกล่าวประมาณ 1 แสนบาท เราจึงทำบุญมอบเงินให้กับตัวแทนมูลนิธิฯ และหลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เราสองคนภรรยาก็จะนำเงินไปทำบุญถวายให้กับท่านเจ้าอาวาสวัดรางหมันอีก จำนวน 5 ล้านบาท ทั้งหมดที่ทำนี้ ก็เพื่อทำบุญให้กับน้องยูโร โดยแท้จริง และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี