ความเข้าใจในหลักของธรรมะตามที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นบทความที่จะแก้ปัญหาชีวิตได้เป็นอย่างดียิ่ง แต่แล้วเราก็ไม่ทราบว่าปัญหาของเราคืออะไร ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เกิดจากการกระทำและกฎแห่งกรรมไม่เหมือนกัน ลักษณะการเกิดมามีหู มีตา มีจมูก มีปาก มีฟัน มีเพศหญิงเพศชาย เหมือนกันไม่ได้ สืบเนื่องจากการกระทำครั้งอดีตชาติแต่ชาติปางก่อน เราเลือกเกิดไม่ได้ และเลือกตายไม่ได้เหมือนกัน ปราสาทราชวังเขาเปิด ไม่มีใครเข้าไปเกิด บ้านอาเสี่ยมีมากมาย ไม่มีใครเข้าไปเกิด เลือกไม่ได้ แต่ทำไมหนอคุกปิดใส่กุญแจตั้งหลายชั้น เข้าไปกันได้เป็นพัน ไม่ทราบเข้าไปกันได้อย่างไร เป็นกฎแห่งกรรมจากการกระทำของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
ท่านทั้งหลายเอ๋ยเวลาไม่เหมือนกัน เราต้องเตรียมพร้อมเสียแต่วันนี้ เพื่อสัมภาระที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจนมาก กฎแห่งกรรมซ้ำเติมส่งเสริมโทษเหมือนกันไม่ได้ ถ้าท่านเจริญพระกรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ ท่านจะระลึกชาติได้ รู้กฎแห่งกรรม และแก้ปัญหาที่เกิดเฉพาะหน้าได้ ท่านไม่ต้องไปหาผีเข้าเจ้าทรง แต่ท่านก็ทำไม่ได้ ตรงนี้เป็นหลักสำคัญของชีวิตของแต่ละคน ใครมีบุญวาสนาก็จะเดินไปหาบุญวาสนาเอง แข่งเรือแข่งพายใครก็แข่งได้ แข่งบุญวาสนาไม่ได้ก็จริง แต่อยากถามว่า ท่านพายเรือเป็นไหม พายเรือไม่เป็นจะแข่งได้อย่างไร ท่านต้องฝึกหัด ต้องปฏิบัติ
ยกตัวอย่างสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นนายแพทย์ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ภรรยาเป็นแพทย์หญิง รูปร่างสวยน่ารัก บ้านใหญ่โต ลูกเรียนธรรมศาสตร์เรียนจุฬาทั้งนั้น แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า สามีฟ้องหย่าตลอดรายการ เพราะไปชอบลูกจ้างในโรงพยาบาล ต้องการทรัพย์สมบัติไปให้อีกบ้านหนึ่ง แพทย์หญิงก็มาปรึกษาอาตมา อาตมาจึงบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันตอนนี้พูดกันไม่รู้เรื่อง ให้แพทย์หญิงลาพักร้อนมาเจริญพระกรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ จะแก้ไขปัญหาชีวิตได้แน่นอน เขาจะได้รู้กฎแห่งกรรม ว่าเขาได้ทำกรรมอะไรไว้ จะได้ไม่ปฏิเสธทุกข้อหา
แพทย์หญิงก็มาปฏิบัติเจริญพระกรรมฐาน ๒ ครั้ง ๆ ละ ๗ วัน จิตเข้าถึง ซึ้งใจ ใฝ่ดีแล้ว บอกหลวงพ่อว่า หนูรู้แล้ว อาตมาจึงบอกว่า ถ้ารู้แล้วจะพูดให้ฟัง ถ้ายังไม่รู้จะพูดให้ฟังไม่ได้ แพทย์ชายเตรียมจะฟ้องหย่าท่าเดียว แพทย์หญิงก็จะหย่าให้ แต่พอมาเจริญพระกรรมฐาน ได้สติ มีปัญญา อ่านหนังสือไม่มีตัวออกชัดเจนแล้ว แพทย์หญิงก็บอกว่า หลวงพ่อให้สติหนูได้แล้วค่ะ หนูจะตั้งใจฟังแล้วเพราะว่าเมื่อก่อนหลวงพ่อบอกหนู หนูไม่ได้ตั้งใจฟังเลย
อาตมาบอกว่า คุณหมอ ขอประทานโทษนะ จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่ว่ากัน ลูกเราก็โตแล้ว เรียนถึงปริญญาโทแล้ว คนเล็กเรียนปริญญาตรีอยู่ที่จุฬาฯ ถ้าลูกรู้เข้าจะเสียกลศึกยุทธวิธีในสงคราม จะหมดกำลังใจเรียน แม่กับพ่อแยกกันอย่าให้เขารู้ได้ไหม แพทย์หญิงตกลง ผู้ที่มีสติจะพูดง่าย คนไม่มีสติพูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง ถึงมีความรู้สูงก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งแพทย์ชายแพทย์หญิงจบปริญญาโทเหมือนกัน แต่หาเรื่องทะเลาะกันเรื่อย อาตมาให้สติไปว่า คุณหมออย่าหย่านะ เขาจะฟ้องก็ฟ้องไป เราไม่ยอมหย่าท่าเดียว จะไปหย่าก็ต่อเมื่อลูกเรียนจบปริญญาเอกแล้ว มีหลักฐานมีงานทำแล้ว จะหย่าก็หย่าได้เลย แพทย์หญิงเห็นด้วย นี่เป็นการเตรียมตัวก่อนตาย เตรียมการให้พร้อมในชีวิตไม่ใช่ไปเข้าวัดตอนแก่
ต่อมาลูกเรียนจะจบปริญญาเอกแล้ว ก็ยังไม่หย่า แพทย์หญิงบอกว่าหย่าไม่ได้หรอกค่ะ เพราะอายลูก ถ้าอาตมาไม่ยับยั้งไว้ก็หย่ากันไปแล้ว ก็ขอฝากข้อความไว้ว่า พูดดีเข้าใจง่าย พูดร้ายเข้าใจยาก ถ้าพูดดี ๆ เพราะ ๆ ไม่มีทางจะทะเลาะกัน ไม่หย่าแน่นอน
คัดลอกจาก : หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 12 พระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี