ความคืบหน้าซึ่งเป็นวันที่ 4 วันสุดท้ายของการออกตรวจสอบแนวเขตข้อพิพาท ระหว่างวันที่ 5-8 มิ.ย.62  กรณีบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ บ้านห้วยพระ หมู่ 9 และ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ด้วยบริษัทเกษตรปิยมิตร ประกอบกิจการปลูกยางพารา ได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เพื่อขอตรวจสอบแนวเขต จำนวน 16 แปลง คือโฉนดเลขที่ 19233,19234,19243,19238,19236,19227,19228 ฯลฯ ซึ่งสำนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน มอบหมายให้นายมานิต มีใหญ่ เจ้าพนักงานฝ่ายรังวัด เป็นผู้ออกสำรวจร่วมกับผู้นำหมู่บ้าน

โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมาพบว่ามีโฉนดที่ดิน 2 คือโฉนดเลขที่ 19238 และ 19236 ออกรุกล้ำเข้าไปในลำห้วย และหนองน้ำอันเป็นที่สาธารณะทั้งแปลง ชาวบ้านจึงได้ปักแนวเขตที่ได้รุกล้ำไว้ พร้อมให้ช่างรังวัดทำบันทึกคัดค้าน เพื่อตรวจสอบกับแผนที่ระวางและสารบบ

ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. มีการตรวจสอบแนวเขตที่ดินตามเลขโฉนดที่ 19237 จำนวน 58 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา ซึ่งเป็นแปลงสุดท้าย บริเวณริมห้วยทวยลำน้ำสายหลักของหมู่บ้าน โดยนายทุนได้นำหมุดโฉนดมาปักแทนอันเก่าที่อ้างว่าหายไปโดยพละการ ซึ่งไม่มีการรับรองจากที่ดินข้างเคียงแต่อย่างไร และที่ดินผืนดังกล่าวอยู่กลางเกาะที่ล้อมรอบด้วยน้ำ ที่ชาวบ้านเรียกว่าถ้วยทวย เพราะเป็นน้ำที่แยกจากห้วยทวยอีกที โดยลักษณะการไหลนั้นน้ำห้วยทวยไหลอ้อมจากที่หนึ่ง ก่อนจะไหลวนลงห้วยทวยอย่างเดิม ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นเกาะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน  

นายลิขิต คาระวงค์ อายุ 72 ปี เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ให้รายละเอียดว่า บริเวณเกาะกลางน้ำแห่งนี้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่มากด้วยป่าบุ่งป่าทาม ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านจึงมาหาของป่ากินเป็นประจำ ภายหลังมีนายทุนอ้างกรรมสิทธิ์ใช้เครื่องมือหนักเบิกที่ ทำลายป่าจนเหียนเตียนเพื่อปลูกยางพารา เดิมตรงทางเข้าเกาะกลางน้ำชาวบ้านร่วมกันสร้างสะพานไม้ไผ่เชื่อมหากัน เข้าฤดูน้ำหลากจะเป็นจุดดักปลา ชาวบ้านจึงเรียกสะพานนี้ว่าลี่ผี ถึงหน้าแล้งก็ใช้เป็นสะพานเดินข้ามไปหาของป่า เมื่อนายทุนรุกที่สาธารณะนี้แล้ว ก็พังสะพานไม้ไผ่ทิ้ง นำดินมาถมปิดทางเดินน้ำ ทำให้ต้นไม้ที่อยู่ตรงร่องน้ำจมน้ำยืนต้นตาย ประจานความเห็นแก่ได้ของบางคน

ด้านนายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนายเตียง ชมภูพระ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจำปา(ส.อบต.ฯ) หมู่ 9 ในฐานะผู้นำหมู่บ้าน หลังร่วมสำรวจเขตกับตัวแทนบริษัทเกษตรปิยมิตรแล้ว ก็ลงชื่อเซ็นคัดค้านโฉนดที่ดินหมายเลข 19237 เพราะบุกรุกที่ดินสาธารณะทั้งแปลง

ขณะที่นายมานิต หัวหน้าฝ่ายรังวัด เผยว่าหลังจากที่แผนที่พิพาททุกแปลง ก็จะส่งเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ เพื่อดำเนินการสอบสวนไกล่เกลี่ยตามประมวลกฎหมายที่ดิน พร้อมกับกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเกษตรปิยมิตร ยื่นของตรวจสอบแนวเขต รวมทั้งสิ้น 16 แปลง มี 3 แปลง ไม่ติดกับที่ดินสาธารณะ จึงเหลือ 13 แปลง ชาวบ้านคัดค้านทั้งแปลงมี 5 แปลง ส่วนที่เหลือ 8 แปลง คัดค้านเป็นบางส่วน สำหรับแปลงสุดท้ายที่มีการปักหมุดโฉนดโดยพละการ เพราะไม่ได้ดำเนินการต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดิน ตนจึงไม่รับรองหลักหมุดดังกล่าว

นายธนายง ส่งศรีโรจน์ ปลัดอำเภอท่าอุเทน หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ผู้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน เปิดเผยว่าหลังจากลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านครบทั้ง 4 วันแล้ว จะก็สรุปเรื่องเสนอต่อนายอำเภอให้ทราบ ส่วนการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์นั้น ชาวบ้านไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง หากพบหลักฐานแน่ชัดเจ้าหน้าที่ของรัฐคือผู้เสียหายตัวจริง จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 มิ.ย.62 มีการตรวจสอบแนวเขตตามที่บริษัทเกษตรปิยมิตรยื่นหนังสือ เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 19229 จำนวน 71 ไร่ 1 งาน อยู่ริมห้วยทวยเช่นเดียวกัน โดยนายทุนได้ลงหมุดโฉนดติดริมห้วยดังกล่าว ซึ่งนายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนายเตียง ชมภูพระ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจำปา (ส.อบต.ฯ) หมู่ 9 ได้นำเสาไม้ไผ่มาปักคู่กับเสาหลักเขต ที่ทางบริษัทปักเป็นเขตครอบครอง เพื่อแสดงว่ามีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะ โดยถูกบุกรุกไม่น้อยกว่า 80 เมตร

นายประหลาดใจ ชัยวงษา อายุ 50 ปี ชาวบ้านที่มาร่วมชี้แนวเขต เปิดเผยว่าเดิมบริเวณนี้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ มีป่าบุ่งป่าทามขึ้นหนาแน่น ภายหลังมีการบุกรุกนายทุนนำรถไถเข้ามาทำลายระบบนิเวศน์เสียหายทั้งหมด แล้วปลูกยางพาราใส่จนเต็มพื้นที่ ไม่เหลือเค้าป่าสาธารณประโยชน์อีกเลย ซึ่งทุกคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า พื้นที่บริเวณนี้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ

มหากาพย์การบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ และที่ทำกินของชาวบ้านห้วยพระ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2525 เริ่มจากมีนายทุน 3 คน เดินทางมาจาก อ.สะเดา จ.สงขลา เข้ามาขอซื้อที่ดินจากชาวบ้าน เพื่อเตรียมปรับดินปลูกยางพารา ปรากฏว่ามีอดีตผู้นำหมู่บ้านทรยศต่อถิ่นกำเนิดและชาติพันธุ์ เกิดความโลภจากเพราะรู้ว่าบริเวณไหนเป็นที่ดินสาธารณะ และตรงไหนที่มีแต่ใบจอง หรือ นส.3

อดีตผู้นำหมู่บ้านชักชวนชาวบ้านขายที่ดิน บางแปลงติดที่สาธารณะหรือใบจองก็ถือโอกาสฮุบควบรวม เช่นนายทุนซื้ออย่างถูกต้องจำนวน 10 ไร่ เวลารังวัดเขตอดีตผู้นำเป็นผู้เดินชี้แนวเขต และมีอำนาจเซ็นชื่อรับรองด้วยตนเอง ก็จะดึงที่ดินสาธารณะหรือใบจองเข้าไปรวมด้วย จากเนื้อที่เดิม 10 ไร่ จะกลายเป็น 30-40 ไร่ทันที หลังออกเป็นโฉนดแล้วนายทุนก็จะยื่นฟ้องขับไล่เจ้าของเดิมออกจากพื้นที่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวขยายเป็นวงกว้างไปทั้งหมู่บ้าน 

อีกทั้งมีการปลอมลายมือชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง ซึ่งมีการแจ้งความดำเนินไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน แต่เรื่องกลับเงียบหายถึงทุกวันนี้ ส่วน 3 นายทุนผู้เข้ามาบุกเบิกปลูกยางพารา ปัจจุบันเสียชีวิต 1 คน ป่วยกระเซอะกระแซะ 1 คน และอีกหนึ่งคนลูกหลานนำไปทิ้งไว้ที่บ้านพักคนชรา