จากเหตุการณ์ "วินมอไซต์" ยกพวกปิดถนนสุขุมวิท 103 ตีกัน ส่งผลให้มีคนเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 3 ราย โดยสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากปัญหาความขัดแย้งที่แย่งลูกค้ากันไปมาของทั้ง 2 วิน จากการตรวจสอบข้อมูลยืนยันได้ว่าวินอุดมสุขซอย 1 เป็นวินที่ลงทะเบียนขออนุญาตถูกต้อง แต่พบว่ามีการเรียกเก็บส่วยจากผู้ขี่จักรยานยนต์รับจ้างให้กับผู้มีอิทธิพล ทำให้จักรยานยนต์รับจ้างบางคนแยกตัวออกมาตั้งวินหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (วินเถื่อน) แทน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนเกิดความไม่พอใจ และเขม่นกันมาโดยตลอด
และก่อนที่จะเริ่มยกพวกตีกันนั้นวินฝั่งธนาคารไทยพาณิชย์ นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี (ผู้ตาย) ได้ไปทำร้ายนายประมุข วิเชียรดิลกกุล หัวหน้าวินซอย 1 โดยใช้ค้อนทุบไปหลายครั้งทำให้บาดเจ็บ จากนั้นจึงเกิดเหตุยกพวกตีกันอย่างที่เป็นข่าวที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่วินรถจักรยานยนต์อุดมสุข 1 และวินจักรยานยนต์รุ่งเรืองยกพวกตะลุมบอนกัน ภายใน ซ.สุขุมวิท 103 (ซ.อุดมสุข) ว่า ขณะนี้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 5 จาก 7 ราย ได้แก่นายปิยะ และ นายรังสรรค์ ที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ นายจีระพงษ์ หรือ เบส ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เมื่อคืนที่ผ่านมา และวันนี้สามารถติดตามจับกุม นายมานพ และ นายพันธ์ศักดิ์ ได้เพิ่ม
ส่วนนายเจริญ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมหลังพบอาวุธปืนก่อนหน้านี้ พบว่าอยู่ในเหตุการณ์ชุลมุนด้วยเช่นกัน ส่วนนายประมุข หัวหน้าวิน และนายวันชัย ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี คาดว่ายังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างติดตามกดดันให้เข้ามอบตัว ซึ่งคลิปที่ปรากฏชี้ชัดว่านายวันชัย เป็นผู้ยิงปืนในวันเกิดเหตุ
ล่าสุด ตำรวจคุมตัวนายวันชัย, นายปิยะ และนายเจริญ ฝากขังศาลจังหวัดพระโขนง พร้อมกับยื่นคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี
กระทั่ง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น "บิ๊กบัว" ผบช.น. ได้สั่งล้างบาง "วินเถื่อน" ทั่วกรุงเทพฯ โดยประชุมเรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามวินจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อน และสุ่มเสี่ยงต่อการก่อเหตุความรุนแรง โดยเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีตำรวจ ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการไปจนถึง สว.จราจร มาประชุมเร่งรัดนโยบายกวดขันจับกุมวินจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อน และการดูแลจราจรในช่วงที่มีฝนตก น้ำขังหรือมีเหตุ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังตามนโยบายของรัฐบาล เช่น กรณีที่วินรถจักรยานยนต์ไม่ถูกกฎหมายเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริง ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมถึงการไล่ทำร้ายกันอย่างเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.บางนา
"จึงได้สั่งการให้แต่ละ สน.ไปตรวจสอบวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ ซึ่งปกติก็มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้ชัดเจนว่ามีจำนวนผู้ขับขี่วินแต่ละวินเท่าไร มีวินที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาและวินที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ หากพบวินเถื่อนให้ดำเนินการจับกุมตามกฎหมายได้ทันที ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาอย่างกรณีวินพื้นที่ สน.บางนาได้"
ถึงแม้ว่าเมื่อหลายปีก่อนได้มีการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์ โดยมี 4 หน่วยงาน คือ มณฑลทหารบกที่ 11 กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ผลักดันให้รถจักรยานยนต์ป้ายดำมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง รวมถึงกำหนดจุดตั้งวินให้เหมาะสม แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาการ "เก็บส่วย" ไม่ได้ ทำให้เกิดการลักลอบตั้งวินเถื่อน การขัดผลประโยชน์ และเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทบานปลาย ซึ่งในทุกเขตมักจะมีวินเถื่อนที่แอบลักลอบตั้งขึ้นมาเอง โดยมีผู้มีอิทธิพลเป็นคนเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ขี่จักรยานยนต์รับจ้างในวินนั้นต้องเป็นผู้จ่ายส่วยให้ในแต่ละเดือน ราคาตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท
นอกจากนี้ ใครเป็นผู้ขี่วินรถจักรยานยนต์หน้าใหม่ หากจะเข้ามาสังกัดกับวินเถื่อนอื่นๆ ก็จะต้องจ่ายค่าเปลี่ยนหน้า ซึ่งเป็นค่าแรกเข้าครั้งแรกในราคาหลักหมื่นบาทให้กับผู้มีอิทธิพลในวินนั้น แต่ถึงแม้จะลงทะเบียนถูกต้องแล้ว ก็ยังต้องจ่ายค่าส่วยให้กับผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวก วินรถจักรยานยนต์จึงหลีกเลี่ยงการขึ้นทะเบียน เพราะท้ายที่สุดก็ยังต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้ผู้มีอิทธิพลอยู่ดี
ในที่สุดเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก หากไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาจัดการปัญหาเรื่อง “ส่วย” กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างจริงจัง และจะต้องมีอีกกี่คนที่ต้องสังเวยชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้บริการวินมอไซต์ในพื้นที่ต่างๆด้วย ไม่ใช่แค่ที่พื้นที่ สน.บางนาอย่างเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี