จากเหตุการณ์วินมอไซค์ย่านอุดมสุขยกพวกตะลุมบอนกันนั้น ทำให้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น “บิ๊กบัว” ผบช.น. ได้สั่งล้างบาง “วินเถื่อน” ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอีกในพื้นที่อื่นๆ โดยเมื่อวานนี้ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สำรวจวินมอไซค์ย่านฝั่งธน อาทิ วินมอไซต์ซอยสำเหร่ ตากสิน 19
โดย “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้พูดคุยกับ นายศักดิ์ขจร คำหมี อายุ 47 ปี (หัวหน้าวินมอไซค์ ซอยสำเหร่ ตากสิน19) เล่าให้ฟังว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบวินมอไซค์แล้ว และจากการทำงานตนมั่นใจว่าจะสามารถปราบปรามวินเถื่อนได้ไม่มากก็น้อย เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งวินของตนเองนั้นก็ยอมรับตรงๆเลยว่า ไม่มีปัญหาภายในแน่นอน เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง
นายศักดิ์ขจร เล่าให้ฟังอีกว่า จากกรณีที่วินยกพวกตีกันตนไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่แท้จริงปัญหาจริงๆ เกิดจากอะไรแน่ แต่มันคงเป็นปัญหาที่ยากเกินจะตกลงกันได้แล้วถึงกระทบกระทั่งกันจนบานปลาย และวินเถื่อนนั้นมีอยู่ทุกที่ส่วนใหญ่ผู้โดยสารมักเจอเรื่องการเรียกเก็บค่าโดยสารราคาเกินจริง และพวกขับย้อนศรขึ้นฟุตบาทนั่นก็เป็นวินเถื่อนแทบทั้งสิ้น เพียงแต่เค้าใส่เสื้อวินสีส้มจึงถูกเหมารวมว่าวินถูกกฎหมาย แต่ในวินของเราไม่มีเรื่องวินเถื่อนแน่นอน แต่วินตนเองจะมีปัญหาเรื่องป้ายทะเบียนขาวมาวิ่ง แต่ทุกคนในวินล้วนลงทะเบียนไว้หมดแล้ว เพียงแต่สลับรถมาวิ่งเท่านั้น ซึ่งก็ผิดกฎหมายอันนี้ยอมรับตรงๆถ้าตำรวจจับเราก็ต้องยอมรับ
“ส่วนพวกวิ่ง Grab bike ในวินเราก็มี แต่เราจะเตือนและคอยบอกทุกคนในวินว่าให้นึกถึงใจเขาใจเรา ทุกคนมีสิทธิ์วิ่งได้แต่ต้องไม่กระทบกับวินพื้นที่อื่น ซึ่งทุกคนก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี และอยากขอให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการทุกคนมั่นใจได้ว่าวินของเราจะไม่มีเรียกเก็บค่าโดยสารเกิน เพราะมีราคาบอกชัดเจน ถ้าพบเห็นสามารถร้องเรียนและแจ้งมาได้โดยตรง” หัวหน้าวินสำเหร่ กล่าว
เช่นเดียวกัน นายทรงเกียรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี (สมาชิกวินย่านบางนาใกล้จุดเกิดเหตุ) บอกว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้ามาปราบปรามวินเถื่อนนั้น ตนก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร เพราะทุกวินมีคนคุมหรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น แค่ทุกวันนี้ต้องจ่ายค่าคุ้มครองเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีต่อเดือนประมาณ 6,000 บาท ถึงแม้จะเป็นวินที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตามซึ่งถือว่าไม่น้อย เลยจำเป็นต้องวิ่ง Grab Bike ด้วย ก็ถือว่าเสี่ยงการปะทะกับวินอื่นมากๆ แต่ก็ต้องทำ เพราะลำพังวิ่งวินช่วงกลางวันคนเงียบ เลยต้องมาวิ่ง Grab Bike เสริม
ด้าน น.ส.ภัทร์พิชา (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ผู้ใช้บริการวินมอไซค์เป็นประจำ บอกกับ ทีมข่าวเฉพาะฯ ว่า จากเหตุการณ์วินยกพวกตีกันมันเป็นเรื่องน่ากลัว ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย เพราะวินเป็นอาชีพที่ให้บริการ ซึ่งบางพื้นที 1 ซอย มีวินถึง 3-4 วินในพื้นที่เดียวกัน และในฐานะที่เป็นผู้ใช้บริการ ก็รู้สึกลำบากใจและรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยด้วย จึงอยากเสนอแนะ "กรมการขนส่งทางบก" ควรพิจารณาแต่ละพื้นที่ว่า ในพื้นที่นั้นมีวินอยู่แล้วหรือไม่ มีมากน้อยแค่ไหน เพราะการอนุญาตจัดตั้งวินซ้ำซ้อนในพื้นที่เดียวกันอาจทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะวินเป็นขนส่งสาธารณะที่ใกล้ตัวบุคคลทุกอาชีพทุกวัย
“เพราะฉะนั้นอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิด ดูแลเป็นพิเศษ เพราะวินเกิดปัญหาบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่การตีกันแต่บางพื้นที่ก็คุกคาม ผู้โดยสารทั้งทางกาย วาจา และสายตา บางเหตุการณ์ก็เคยมี “ข่มขืน” อย่างที่เป็นข่าวบ่อยๆ ขณะเดียวกันก็เคยเจอ "วินเถื่อน" ที่เรียกเก็บค่าโดยสารมหาโหด แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเร่งรีบเลยจำเป็นต้องใช้บริการ จึงคิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสาร และไม่ให้เกียรติอาชีพของตัวเองเพราะอาจจะทำให้บางคนที่เจอวินเถื่อน ครั้งต่อไปอาจจะไม่อยากใช้บริการวินนี้อีกเลย” น.ส.ภัทร์พิชา กล่าว
น.ส.ภัทร์พิชา กล่าวอีกว่า ไม่เพียงเท่านี้วินส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวินที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือจะเป็นวินเถื่อนส่วนใหญ่ จะไม่ให้ผู้โดยสารสวมหมวกกันน็อค ซึ่งอันนี้น่ากลัวมาก เพราะจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อไรเราไม่สามารถคาดเดาได้ และก็เคยเจอแบบทำผิดกฎจราจรวิ่งย้อนศร หลายๆครั้งที่เห็นวินมอไซค์เกิดอุบัติเหตุ
ส่วนเรื่องการที่หน่วยงานเข้ามาควบคุมดูแลปราบปรามวินเถื่อนนั้น คุณภัทร์พิชา คิดว่าไม่สามารถแก้ได้ ตราบใดที่ยังมีผู้มีอิทธิพลและมีการเก็บส่วยอยู่เบื้องหลัง และอีกอย่างก็เพราะตัวลูกค้าเองที่เค้าเต็มใจยินดีใช้บริการในเวลาเร่งรีบ ไม่มีรถ ก็จำเป็นต้องใช้และก็การรู้เห็นกันในพื้นที่ อาจจะเป็นเพื่อน พี่ น้อง ทีให้เช่าเสื้อวินชั่วคราว
ขณะที่ความเชื่อมั่นในการใช้บริการวินมอไซค์นั้น ตนไม่ได้เชื่อมั่นตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะอย่างที่บอก มันมีทั้งความไม่ปลอดภัยเรื่องอุบัติเหตุ การผิดกฎจราจรต่างๆ แต่ที่ใช้บริการเพราะสะดวกทันเวลา "ตอบโจทย์ในเวลาเร่งรีบ" แต่ไม่นานเห็นข่าววินยกพวกตีกันจากที่ตนไม่มั่นใจอยู่แล้วยิ่งมามีเรื่องแบบนี้อีกก่อนใช้บริการก็ต้องดูให้ดี
ทางด้าน น.ส. อรัญญา (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทเอกชน บอกว่า นานๆทีจะใช้บริการวินมอไซต์เนื่องจากไม่ไว้ใจความปลอดภัย เพราะขับเร็วและชอบย้อนศร แต่จำเป็นต้องใช้เวลาที่มีประชุมด่วน โดยขึ้นวินจากอนุเสาวรีย์ชัยฝั่งหน้าโรงพยาบาลราชวิถีมาลงโรงพยาบาลหัวเฉียว ค่าโดยสารประมาณ 80 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าแพงไหมหรือเป็นเรทราคาปกติ ส่วนตัวยังไม่เคยเจอวินเถื่อน เพราะเลือกขึ้นวินที่ติดเรทราคาค่าโดยสารชัดเจนและก่อนขึ้นทางวินจะถามประจำว่าลงที่ไหนก็จะบอกราคาก่อนเราใช้บริการ
“ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่กลัวการนั่งรถมอเตอร์ไซค์มาก ด้วยความที่ขับเร็วและชอบลักไก่ทำผิดกฎจราจรบ่อยๆ แต่ก็ต้องเชื่อมั่นเมื่อถึงคราวจำเป็น และพอขึ้นแล้วก็จะบอกคนขับตลอดว่า...ขับช้าๆนะพี่ ไม่ต้องรีบ ขณะที่การปราบปรามวินเถื่อนนั้น ถือว่าเป็นภารกิจที่ต้องทำอย่างยิ่ง ถ้าปราบปรามได้จริงก็จะดีต่อผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก ที่ไม่ต้องถูกเอาเปรียบเรื่องค่าโดยสาร ส่วนเชื่อมั่นว่าจะปราบปรามได้ไหมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เพราะคิดค่าโดยสารเกินราคาตามจริง วินกลุ่มนี้ก็อาจจะหายไปสักพัก แต่พอเรื่องซาสังคมไม่สนใจก็จะกลับมาอีก เพราะฉะนั้นอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยลงมือปราบปรามอย่างจริงจัง รวมถึงปราบปรามผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังคนกลุ่มนี้ด้วย” น.ส.อรัญญา กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี