23 มิ.ย.62 นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้โพตส์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Mana Phermpool” เกี่ยวกับ การดำเนินการคุ้มครองดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากมีการสำรวจพบเสือโคร่งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยข้อความระบุว่า “ป่าต้องใหญ่ และมีเหยื่อ เสือถึงอยู่ได้ ความพยายามอนุรักษ์ผืนป่า แก่งกระจาน ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่ต่อเชื่อมกับแนวป่าของประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาร์ ประกอบไปด้วยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน อุทยานแห่งชาติกุยบุรีและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี พื้นที่แก่งกระจานจึงเป็นพื้นที่ความหวังในการอนุรักษ์ สัตว์ป่าที่สำคัญ เสือโคร่ง จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ช้างป่า วัวแดง และสรรพสัตว์อีกหลายชนิด
ปัจจัยที่นำสู่ความสำเร็จ หรือเกิดความก้าวหน้าในปัจจุบันในการดำเนินการ คุ้มครองดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
1. การควบคุมการขยายพื้นที่ทำกินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติไม่เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิม โดยใช้แนวทางตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพศ. 2562 มติคณะรัฐมนตรี 26 พฤศจิกายน 2561 คณะมนตรี 30 มิถุนายน 2541 และคำสั่งคสชที่ 66/2557 เป็นฐานประกอบแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมภาพถ่ายอากาศ
2. การพัฒนาระบบ ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การพัฒนาระบบการลาดตระเวนให้ครอบคลุมพื้นที่ สร้างความรู้และ เทคนิคในการบริหารจัดการระบบการลาดตระเวนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
3. การพัฒนาการระบบลาดในแนวเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่อนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียรและอุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่อยู่รอบข้างจัดกิจกรรมการลาดตระเวนอย่างมีส่วนร่วมระหว่างอุทยานแห่งชาติ ทุกแห่งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในรอยต่อและรวมถึงการลาดตระเวนร่วมกับองค์กรที่ดูแลทรัพยากรและมีหน่วยกำลังในพื้นที่ทั้งอำเภอ ทหาร ตชด และอส
4. การพัฒนาระบบลาดตระเวนร่วมกับชุมชนเพื่อดูแลคุ้มครองรักษาพื้นที่ ที่ได้รับการตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับพ. ศ. 2562 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและมีการนำร่องหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติที่เป็นชุมชนพื้นเมือง ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ ให้จัดตั้งชุดลาดตระเวนคุ้มครองดูแลรักษาแนวเขตที่ดินและแนวเขตป่า ที่ได้รับการผ่อนปรนตามกฎหมาย รวมถึงเป็นแนวร่วมในการดูแลรักษา สัตว์ป่าในพื้นที่ในอนาคต
5. การจัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ในการคุ้มครองดูแลสัตว์ป่า ที่ออกนอกเขตป่า จัดการอนุรักษ์ และป้องกันการลักลอบทำลายป่าไม้และสัตว์ป่ามาหลายปีหลายๆพื้นที่อนุรักษ์ต่างประสบปัญหามีสัตว์ป่าเพิ่มขึ้น และออกนอกพื้นที่เพื่อหากินในพื้นที่ชุมชนการจัดตั้งชุดผลักดันคุ้มครองช่วยเหลือช่วยชีวิตสัตว์ป่าจะเป็นงานหนึ่งที่เริ่มดำเนินการในหลายพื้นที่อนุรักษ์และยังคงต้องการเทคนิคความรู้อุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยชีวิตสัตว์ป่ามากขึ้น เพื่อลดปัญหาผลกระทบ ของคนกับสัตว์ป่า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อมีการคุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรอย่างเข้มงวด
ผลพวงจากการคุ้มครองดูแลสัตว์ป่าเวลาหลายปีการติดตาม ประชากรสัตว์ป่าความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า จำนวน ชนิด ปริมาณ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการปัจจุบัน โดยความร่วมมือกับ สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า และ กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ในการสำรวจทรัพยากรสัตว์ป่า เสือดาว เสือโคร่ง และกำลังดำเนินการในชนิดพันธุ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นข่าวดีที่เราพบร่องรอยประชากรเสือโคร่ง ในพื้นที่คาดหวังที่จะมี และอาศัยอยู่ได้ซึ่งห่างไกล ชุมชนและยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ในหลายๆจุด ที่สงสัยว่ามี
ล่าสุดจากการสำรวจของนักวิชาการป่าไม้ นายวิสูจน์ สุพงษ์ (ฉายา one camera trap one tiger)ได้ออกลาดตระเวนบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่อนุรักษ์ และติดกล้อง Camera Trap ไว้จำนวน 1 ตัว เพื่อติดตามและศึกษาประชากรสัตว์ป่า โชคดีพบภาพเสือโคร่งซึ่ง บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงนับว่าเป็นข่าวดี ที่ยังคงมีสัตว์ป่า และชนิดพันธุ์ที่หายากหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ รอการฟื้นฟูจำนวนประชากร แต่ทั้งนี้ การที่ทรัพยากรสัตว์ป่าสามารถอาศัยอยู่ได้ ยังคงต้องการพื้นที่สันโดษที่ไม่ถูกรบกวนโดยมนุษย์ การที่มีชุมชนอยู่ใกล้เขตป่า และในเขตป่าจึงเป็นปัจจัยคุกคาม อย่างนึง ต่อความอยู่รอดของประชากรสัตว์ป่าที่สำคัญ การสร้างกลไกความร่วมมือในการอนุรักษ์กับชุมชนจึงเป็นสิ่งท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"
ข้อมูลและภาพจาก : Mana Phermpool
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี