เปิดใจนักร้องหนุ่มชาวบ้านโป่ง พลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือกลุ่มวัยรุ่นที่ประสบเหตุติดภายในรถ หลังเจอคู่อริไล่ยิงรถจนเสียหลักชนเสาไฟฟ้าห่างจากสถานีตำรวจบ้านโป่ง เพียง 60 เมตร มีผู้เสียชีวิตดับคารถ 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย ด้านญาติสาวผู้เสียชีวิตเผยมีลางสังหรณ์ และเจ้าตัวพูดเล่นกับเพื่อนสนิทหากตายให้ นำรูปตนเองไปด้วยทุกที่
24 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นถูกคู่อริขับรถไร่ยิงสนั่นกลางเมืองบ้านโป่ง โดยกระสุนเจาะเข้าที่อกซ้ายของคนขับรถยนต์กระบะ ทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า ที่บริเวณหน้าวงเวียนหอนาฬิกา ถนนแสงชูโต เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และอยู่ห่างจากสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง เพียง 60 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ อีก 4 ราย
โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยที่ภาพจากกล้องวงจรติดที่บันทึกภาพเหตุการณ์วินาทีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กธ 7584 กาญจนบุรี พุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าอย่างเต็มแรงจนทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นและสายไฟฟ้า สายสัญญาณโทศัพท์ อินเทอร์เน็ต เคเบิ้ลทีวีขาดหลุดลงมาติดกับซากรถและเต็มท้องถนน ซึ่งภายในคลิปภาพมีพลเมืองดีที่วิ่งตามหลังมาพอดีได้ลงจากรถทันทีและเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ภายในซากรถยนต์กระบะออกมาได้อยากปลอดภัย เนื่องจากหวั่นรถยนต์เกิดไฟรุกไหม้ ซึ่งสามารถช่วยออกจากซากรถได้ 2 ราย
ทราบชื่อต่อมา น.ส.อารีรัตน์ ขันแข็ง อายุ 23 ปี นั่งด้านหลังคนขับ และนายเจริต วิเชียรสลาง อายุ 24 ปี กระเด็นลงมาอยู่ที่พื้นฟุตบาทข้างประตูรถด้านซ้าย ทั้งหมดอาการสาหัส ส่วนอีก 2 รายเป็นคนขับคือนายปฐมพงษ์ วิชิตเดชา อายุ 24 ปี คนขับรถกระบะ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย 1 นัด ติดอยู่กับพวงมาลัยรถยนต์ และนายโชติพัฒน์ จงเจริญ อายุ 29 ปี นั่งข้างคนขับ อาการสาหัส และมีผู้เสียชีวิตอีก 1 รายอยู่ในที่นั่งด้านหลัง คือ น.ส.ชวัลญา วิชิตเดชา อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/351 ถนนบ้านปากแรต ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง สภาพศพกรามหักเลือดทะลักออกจากปากเสียชีวิตคาที่นั่ง ด้านหลังคนขับ จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี จะเข้ามาช่วยเหลือและนำผู้บาดเจ็บออกจากซากรถและนำผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายที่อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสส่งโรงพยาบาลบ้านโป่งเพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วน
โดยพลเมืองดีคนดังกล่าวได้โพสต์เรื่องราวที่ตนเองได้พบเจอ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อผู้ใช้บริการ “Apichart Raksai” ระบุข้อความว่า เลิกงานจากดนตรีเลี้ยวเข้าวงเวียนหอนาฬิกาเข้าวงเวียนช้างเห็นควันเยอะสายไฟระเนระนาดไปหมดอ้าวรถชนนี่หว่าเจอพอดีเลยเข้าไปช่วย “ได้ยินเสียงร้องช่วยหนูด้วย” พวกผมเลยรีบเข้าไปแต่มันเข้าไปยากเนื่องจากมีน้ำมันรั่วกับสายไฟล้มมากมายพร้อมกับน้ำประปาที่มันทะลักพุ่งรั่วออกมา พอเช็คว่าไฟไม่รั่วไฟไม่ลุกพวกผมรีบเข้าไปช่วยเบื้องต้นออกมาได้แค่สองคนแต่น้องอีก 2 คนติดเบาะส่วนน้องผู้หญิงผมพยายามบอกต้องให้ตื่น
เขาสำลักออกมา 1 ครั้งผมจับชีพจรน้องไม่เต้นแล้ว ผมทำรัยไม่ถูกช่วยได้แค่นี้จริงๆเจ้าหน้าที่มาถึงพอดีเจ้าหน้าที่บอกน้องเสียแล้ว ผมรู้สึกเสียใจ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆครับประตูบิดเบี้ยวหมด น้ำมันก็รั่วผมเลยบอกให้น้องชายผมเอาแบตออกเพื่อกันสปาร์คไม่ให้ไฟลุกแต่ข้างหน้ารถมันบี้หมดแล้วพวกเราพยายามแล้วครับเสียใจกับครอบครัวน้องด้วยนะครับ ตอนนี้หลอนหูผมมากคำว่าให้ช่วยนี่แหระ เสียใจกับครอบครัวน้องที่เสียชีวิตด้วยนะครับ จนมีผู้เข้ามาชื่นชมในการทำความดีครั้งนี้ พร้อมให้กำลังใจและแชร์เรื่องราวดังกล่าวไปจำนวนมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสัมภาษณ์พลเมืองดีคนดังกล่าว คือ นายอภิชาต รักสาย หรือ นับหนึ่ง นักร้องประจำวงเฟรนด์ แบนด์ อายุ 34 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.62 เวลาประมาณ 01.00 น. ตนได้เดินทางกลับจากการร้องเพลงที่พับแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม และไปนั่งรับประทานอาหารภายในตลาดบ้านโป่ง เมื่อเดินทางมาใกล้ที่จะถึงวงเวียนหอนาฬิกา อยู่ติดกับสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง เห็นกลุ่มควันไฟโพยขึ้นและมีสายไฟขาดหลุดมากองที่พื้น
จึงบอกให้น้องที่มาด้วยกันหยุดรถและรีบลงเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเข้าไปหาน้องผู้หญิงที่นอนหมดสติอยู่ที่เบาะหลังพยายามเรียกให้น้องตื่น แต่ไม่เป็นผลน้องสำลักมา 1 ครั้ง เลือดออกจากปาก และจับชีพจรพบว่าน้องน่าจะเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจมาก และพยายามตั้งสติเพื่อช่วยเหลือคนอื่นออกมาจากรถได้ 2 ราย อีก 2 รายติดอยู่ที่บริเวณหน้ารถ ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้มาถึงพอดีจึงให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและนำทั้ง 2 คนที่ติดซากรถนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวต่อไป
ส่วนน้องผู้เสียชีวิต ถึงตนจะไม่รู้จัก ถ้าหนูรับรู้ได้อยากบอกว่าพวกพี่ช่วยหนูเท่าที่จะช่วยได้พี่ได้แค่เรียกหนูให้ตื่นและแล้วหนูจากไปต่อหน้าพี่ขอแสดงความเสียใจครอบครัวของน้องด้วยนะครับ และอยากฝากถึงผู้ที่พบเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกต้องมีสติเข้าดูว่าพอที่ตจะช่วยเหลืออะไรได้เป็นอันดับแรก เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ให้มากที่สุดก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาช่วยเหลือ เพราะบางกรณีจะนำกล้องมือถือเข้ามาถ่ายภาพก่อน หรือ มายืนดู อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียไปต่อหน้าต่อตาเป็นได้
ส่วนที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มาทำการเคลียร์พื้นที่ นำเสาไฟฟ้ามาปักใหม่ ส่วนเจ้าของสายเคเบิ้ล สายสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และเคเบิ้ลทีวีได้มาทำการรื้อของเก่าที่เสียหายและทำการซ่อมแซมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ ส่วนบริเวณหน้าร้านบรรดาเจ้าของร้านได้มาทำการกวาดเก็บทำความสะอาด ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองบ้านโป่งเพื่อให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
ขณะที่ความคืบหน้าของคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.บ้านโป่ง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบนถนนสายแสงชูโตทั้งหมด เพื่อดูว่าในช่วงเกิดเหตุมีผู้ใดต้องสงสัยบ้าง และเพื่อให้สอดคล้องกับคำให้การของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ภายในรถยนต์กระบะคันประสบเหตุ เบื้องต้นอยู่ในช่วงที่จะต้องเชิญตัวผู้ขับรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในเวลาเกิดเหตุมาสอบสวน เพื่อหาความเชื่อมโยงในเหตุการณ์หรือไม่
พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่ร้านอาหารที่ผู้บาดเจ็บและผู้ตายไปนั่งกิน และเกิดเหตุเขม่นกับบุคคลที่มานั่งที่ร้านดังกล่าว ซึ่งทางร้านได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไประงับเหตุ และแยกย้ายกันออกมา ก่อนจะมาถูกไล่ยิงจนทำให้รถเสียหลักพุ่งไปชนเสาไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ขอให้เจ้าหน้าตำรวจทำงานก่อน
ส่วนทางด้าน ญาติ ผู้เสียชีวิต ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อ Dryize Zii ระบุข้อความว่า “คุณคิดอย่างไรกับเหตุการณ์รถชนตรงหอนาฬิกาเมื่อคืน ฝากถึงคนทำถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นลูก ผช. มากพอ คุณกล้าทำต้องกล้ายอมรับผิด เหตุการณ์ที่คุณทำเพราะเหตุผลใด คุณคึกคะนองได้ใจที่ตัวเองพวกเยอะ หรือคับแค้นใจอะไรนักหนาถึงกลับต้องทำกันได้ขนาดนี้ คุณเห็นเต็มตาว่าในรถมีเด็ก ผญ.2 คนแต่คุณกลับยิงใส่คนในรถ 3 นัด (ย้ำยิ่งเข้ามาในรถ)คุณมันไม่ใช่คน คุณมันคือสัตว์นรก ในรถมีคนเจ็บคนขับโดนยิงคนขับฝืนที่จะขับไปต่อเผื่อไป รพ.เหตุการณ์โดนยิงที่บริเวณถนนใหญ่สีแยกเมืองกาญ-บ้านโป่ง
แต่ระหว่างทางหน้า รร.ท 1 คนขับวูบหมดสติเท้าเหยียบคันเร่งมิดไมล์ คนในรถพยายามช่วยกันยื้อพวงมาลัยจนกระทั่งรถพุ่งชนเสาไฟฟ้าตรงหอนาฬิกาอย่างจังด้วยความเร็ว 160 – 180 กม. ต่อ ชม. ทั้ง 5 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส คนที่ 1.น้องเจน เด็ก ผญ. อายุเพียง 18 ปี คอหักเสียชีวิตคาที่, คนที่ 2. คนขับโดนยิงที่น่าอกและโดนแรงอัดที่รถชนอย่างแรงแขนหักสองข้างขาหักสองข้างอาการโคม่า, คนที่ 3.ผช.คนนั่งเบาะหลังกระดูกก้นกบแตก กระดูกแขนขวาแหลกโดนเส้นประสาท ที่หัวเย็บหลายเข้ม, คนที่ 4 ผช.นั่งหน้าหัวเข่าหลุดหนังเปิดเท้าฉีกเป็นแผลใหญ่, คนที่ 5 ผญ. นั่งเบาะหลังสะโพกหลุดช้ำที่หัว เรื่องนี้มี 5 ครอบครัวที่ต้องเสียใจ คุณเป็นใครมีสิทธิอะไรมาทำให้ลูกคนอื่นต้องตาย คิดถึงจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตไว้เยอะๆ ด้วยนะ ถ้าเป็นลูกหลานคุณโดนแบบนี้คุณจะรู้สึกยังไง ลูกใครใครก็รักเค้าเลี้ยงของเค้ามาจนโตแต่คนใจสัตว์อย่างคุณมาทำลูกเค้าเสียชีวิต คุณหนีได้คุณต้องหนีให้สุดเพราะไม่ได้มีแค่ตำรวจที่กำลังตามตัวคุณอยู่
ขณะที่ครอบครัวของ น.ส.ชวัลญา วิชิตเดชา อายุ 18 ปี ผู้เสียชีวิตได้นำศพตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ณ ศาลาบำเพ็ญกุศลศพวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 27 มิถุนายน เวลา 16.00 น. ซึ่งมีพี่สาวอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจคอยดูแลศพอยู่ไม่ห่าง ทั้งนี้พี่สาว ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ครอบครัวมีพี่น้อง 3 คน มีพี่ชายซึ่งทำงานอยู่ที่กาญจนบุรี
ส่วนตนเองซึ่งเป็นพี่สาวอยู่อาศัยกับน้องสาวกับแม่ที่อำเภอบ้านโป่ง และตนกับน้องสาวสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนก็จะไปด้วยกันประจำ โดนก่อนที่น้องจะประสบเหตุและเสียชีวิตแม่เล่าให้ฟังว่า แม่นอนฝันว่าน้องสาวหรือผู้ตายได้มาจับที่ขาของแม่และเรียกชื่อแม่ ซึ่งแม่ก็เอะใจพร้อมทั้งห่วงว่าลูกสาวคนเล็กจะเป็นอะไร จึงได้เดินทางมาหาลูกสาวและพูดคุยกับลูกสาว ซึ่งน้องสาวยังได้พูดคุยกับแม่และบอกไม่ต้องห่วง ตนกับแม่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายและเป็นตามที่แม่ห่วงจริงๆ
ประกอบกับตนเองเห็นเพื่อสนิทของน้องสาวได้นำแชทที่มีการพูดคุยกันในทำนองที่ว่า “ถ้าตายไป เพื่อนจะทำยังไง หากตายไปให้พกรูปไปด้วยและจุดธูปแล้วเรียกน้องสาวของตนไปด้วย” ซึ่งทั้งเพื่อนและตนเองไม่คิดว่าจะเป็นการพูดติดตลก ที่จะเป็นการสั่งเสียก่อนที่จะมาจบชีวิตในช่วงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 23 มิ.ย. จริงๆ ซึ่งมันเร็วเกินไป และตอนนี้ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้จริง ส่วนเรื่องคดีขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย โดยที่ครอบครัวก็ยังติดตามและขอให้เจ้าหน้าที่จับตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี