“ต้องกราบขออภัยลูกค้าทุกท่านด้วยนะครับ เนื่องจากตอนนี้ บขส. และ คสช. จัดระเบียบการเดินรถใหม่ ตั้งแต่ คสช.จัดระเบียบย้ายรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยมาอยู่ที่สายใต้ปิ่นเกล้า ทำให้ผู้โดยสารลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้จนรถต้องเลิกวิ่งไปครับ ตอนนี้เหลือรถที่ให้บริการแค่ 6 คันจากทั้งหมดเคยมี 72 คัน ตอนนี้รถทางเราต้นทางขึ้นที่สถานีขนส่งสายใต้เก่าปิ่นเกล้าเริ่ม 8 โมงเช้า ถึงแค่ 5 โมงเย็นครับ ส่วนทางหัวหินเริ่มเวลา 03.30” 20 ธ.ค. 2561 (และโพสต์ซ้ำ 20 ม.ค. 2562)
ข้อความข้างต้นถูกโพสต์ไว้บนเฟซบุ๊คแฟนเพจ “รถตู้กรุงเทพฯ-หัวหิน - บริษัทจูนแอนด์เจมส์ ทรานสปอร์ต” ซึ่งให้บริการผู้โดยสารอยู่ที่ “สายใต้เก่า” บริเวณหัวโค้งเชื่อมต่อระหว่าง ถ.บรมราชชนนี กับ ถ.สิรินธร สะท้อนความเดือดร้อนของ “วินรถตู้” จากนโยบายจัดระเบียบโดยรัฐบาลทหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ย้ายจุดจอดรถตู้วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-จังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปริมณฑล ออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังสถานีขนส่งต่างๆ ด้วยเหตุผลด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย ตั้งแต่เมื่อ 25 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา
ในเวลาต่อมา 14 มิ.ย. 2562 พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้โดยกล่าวกรณีที่ผู้ประกอบการรายดังกล่าวระบุเพิ่มเติมในภายหลังว่าอาจต้องยุติการประกอบกิจการในวันที่ 30 มิ.ย. 2562 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เห็นใจความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่การจัดระเบียบรถตู้โดยสารของรัฐบาลและ คสช. มีเจตนาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้โดยสาร
สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ส่งเสริมการบริการที่ปลอดภัย และมีคุณภาพ นอกจากนี้ พล.ท.วีรชน ยังกล่าวอีกว่า ในโลกของการแข่งขันที่มีคู่แข่งหลายราย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาธุรกิจของตนในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจและความพึงพอใจ ทำให้ลูกค้าซื้อหรือใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และบอกต่อแก่ผู้อื่นในที่สุด
รวมถึง กรมการขนส่งทางบก ที่ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ “กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News” ว่า บ.จูนแอนด์เจมส์ ทรานสปอร์ต มีรถวิ่งเส้นทางกรุงเทพฯ - อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพียง 6 คัน จากจำนวนรถตู้ของทุกวินที่วิ่งบนเส้นทางดังกล่าวทั้งหมด 92 คัน ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการรายดังกล่าวยุติการให้บริการจึงไม่กระทบผู้โดยสาร พร้อมกับย้ำว่าที่ผ่านมานอกจากมาตรการจัดระเบียบแล้วภาครัฐยังช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการผ่านความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถบัสขนาดเล็ก
25 มิ.ย. 2562 หรือ 5 วันก่อนถึงวันที่วินรถตู้กรุงเทพฯ-หัวหิน - บริษัทจูนแอนด์เจมส์ ทรานสปอร์ต (อาจ) ต้องอำลาวงการเพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว “สกู๊ปแนวหน้า” เดินทางไปยังสถานีขนส่งสายใต้เก่า โดยตัวแทนทีมงานของวินดังกล่าวที่นั่งประจำเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว เล่าว่า “ตั้งแต่ถูกย้ายมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่มีแม้สักวันเดียวที่มีลูกค้าเยอะอย่างที่เคยเป็น” ซึ่งคงเป็นเพราะ “ทำเลตรงนี้เดินทางเข้า-ออกไม่สะดวก” ซ้ำร้าย “บางวันที่ฝนตกหนักยังมีน้ำท่วม”
ด้านหน้าทางเข้าอีกต่างหาก
“ถ้าจัดระเบียบแบบนี้อย่าจัดดีกว่า แล้วที่บอกให้ทดลองดูก่อน 6 เดือนแล้วถ้ามีผลกระทบให้ย้ายไปไหนก็ได้สุดท้ายก็ไม่ได้ย้าย ส่วนสายใต้ใหม่ตอนแรกมีการเตรียมพื้นที่ไว้พร้อมแล้ว แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ได้ไป ก็ยังให้อยู่ตรงนี้ แล้วไม่มีการเยียวยาอะไรสักอย่าง” ตัวแทนทีมงานวินรถตู้กรุงเทพฯ-หัวหิน - บริษัทจูนแอนด์เจมส์ ทรานสปอร์ต กล่าว
ไม่ต่างจาก วินรถตู้ ต.วีไอพี บิ๊กซีราชบุรี ที่ตั้งเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วในบริเวณเดียวกัน ตัวแทนทีมงานของวินแห่งนี้ ทักทายผู้สื่อข่าวด้วยคำถาม “เดินทางมาอย่างไร?” แล้วก็เตือนว่า “ระวังขึ้นผิดสายนะ มันมีรถเมล์ไปสายใต้เก่ากับสายใต้ใหม่” สะท้อนถึงความไม่สะดวกในการเดินทางมาใช้บริการ หากเทียบกับ “ขนส่งหมอชิต (สายเหนือ - ตะวันออกเฉียงเหนือ), ขนส่งเอกมัย (สายตะวันออก)” ที่รวมจุดบริการรถบัสกับรถตู้ไว้ด้วยกัน “ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถเมล์สายที่ระบุว่า “ไปหมอชิต - ไปเอกมัย” โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปผิดสถานี” อย่างที่เกิดกับขนส่งสายใต้
“ช่วง 1-2 เดือนแรกที่ย้ายมา มีรถเมล์ฟรี มีรถชัตเติล บัส (Shuttle Bus) รับ - ส่งคนจากอนุสาวรีย์ชัย ตอนนั้นคนก็ยังเยอะอยู่ แต่พอหลังจากนั้นคนก็ค่อยๆ น้อยลง เท่าที่รู้คือหลายคนจากเดินทางไป - กลับบ้านทุกวันตอนวินอยู่ที่เดิม ตอนนี้ก็กลับแค่เสาร์ - อาทิตย์ หรือบางคนตัดสินใจเช่าห้องอยู่ หรือบางคนก็ไปซื้อรถมาขับ รายได้ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 10% ของสมัยอยู่อนุสาวรีย์ชัย” ตัวแทนทีมงานวินรถตู้ ต.วีไอพี บิ๊กซีราชบุรี ระบุ
อีกด้านหนึ่ง บรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานสหพันธ์รถเอกชนร่วมบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารมีปัญหา 1.เดิมทีให้บริการที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีรายได้พอผ่อนส่งรถ แต่เมื่อถูกย้ายออกไปรายได้ก็ลดลง 2.ถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นรถใหญ่ (มินิบัส) ขนาด 6-7 เมตร ราคาเฉลี่ยคันละกว่า 2 ล้านบาท ต่างจากรถตู้ที่ราคา 1.2 ล้านบาท และ 3.ระบบกองทุนที่ภาครัฐบอกว่าตั้งมาสนับสนุนการเปลี่ยนจากรถตู้เป็นมินิบัส ในความเป็นจริงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบได้ยาก จากขั้นตอนการตรวจสอบ
เมื่อถามต่อไปว่า “เหตุใดรถตู้เฉพาะในส่วนของสายใต้ไม่สามารถย้ายไปรวมกันทั้งหมดที่สายใต้ใหม่?” บรรยงค์ ตั้งข้อสังเกตว่า “มีเรื่องผลประโยชน์อะไรเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่” รวมไปถึง “ปัญหาวิธีคิดของผู้ออกนโยบาย” พร้อมกับฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการ อีกทั้งยังชวนผู้ประกอบการรายใดที่มีปัญหาขอให้ส่งเรื่องร้องเรียนมา ยืนยันว่าพร้อมยินดีที่จะช่วยต่อสู้อีกแรง
รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 77 บัญญัติว่า กฎหมายที่จะออกใหม่ก็ดี หรือกฎหมายที่มีอยู่แล้วก็ตาม ต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และกฎหมายต่างๆ สามารถยกเลิกหรือปรับปรุงได้เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป รวมถึงแก้ไขอุปสรรคในการดำรงชีวิตหรือประกอบอาชีพของประชาชน “แม้ตัวบทจะใช้คำว่ากฎหมาย แต่เจตนารมณ์นั้นน่าจะหมายถึงทุกนโยบายของรัฐที่ออกมาแล้วส่งผลกระทบต่อประชาชนด้วย” ในความเดือดร้อนข้างต้นนี้ “ทำเลที่ตั้งการเดินทางเข้าถึงไม่สะดวก” คือปัญหาที่ผู้ประกอบการรถตู้สายใต้อยากให้แก้ไข
วันนี้แม้นายกรัฐมนตรีจะยังเป็นคนเดิม แต่สถานะได้กลายเป็นนักการเมืองจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่ผู้นำรัฐบาลทหารอีกแล้ว ก็หวังว่าจะเห็นอกเห็นใจประชาชนโดยเฉพาะ “คนระดับฐานราก” มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี