สายเขียวเตรียมเฮได้เลย อภ.เตรียมส่งน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น 10,000 ขวดให้รพ.ใช้รักษาผู้ป่วยปลายเดือนนี้ พร้อมเดินหน้าปลูกกัญชาล็อต 2 ทันที ยกระดับกึ่งอุตสาหกรรม ตั้งเป้า150,000-200,000 ขวด
เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2562 นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นประธานลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาในรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบยาเตรียมที่ทันสมัย ใช้งานง่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเหมาะสมกับโรคต่างๆ มากขึ้น โดยอภ.จะสนับสนุนสารสกัดน้ำมันกัญชา เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่จะเป็นในส่วนของสารสกัดน้ำมันกัญชาในล็อตที่ 2 ที่จะส่งมอบได้ในอีก 4 เดือนข้างหน้า
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการปลูกและสกัดสารสกัดกัญชา อภ.ได้มีการเก็บดอกกัญชาและทำให้แห้งเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการสกัดเป็นสารสกัดน้ำมันกัญชาเมดิคัลเกรด ซึ่งล่าสุดองค์การฯ ได้กำหนดความเข้มข้นน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น ของแต่ละสูตร เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการรักษาโรคชนิดต่างๆ อีกทั้งได้ใช้เทคโนโลยีการสกัดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้สามารถผลิตน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้นเพิ่มขึ้นจาก ประมาณ 2,500 ขวด เป็นประมาณ 10,000 ขวด
โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นในส่วนของสูตร THC สูง โดยในปลายเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้ จะเริ่มทยอยกระจายผ่านกรมการแพทย์ สู่โรงพยาบาลที่เปิดให้บริการใช้สารสกัดกัญชารักษาผู้ป่วย ในรูปแบบการวิจัยแบบเฉพาะรายผ่านช่องทางพิเศษ หรือ SAS และการรักษาผู้ป่วยแบบวิจัยเชิงลึกครบทุกกระบวนการวิจัย รวมถึงการรักษาในรูปแบบอื่นกับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้สารสกัดกัญชาตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ โดยแพทย์ผู้รักษาและเภสัชกรผู้สั่งจ่ายยา และโรงพยาบาลที่ได้รับการอนุญาตจาก อย.
โดยขอย้ำว่าการนำสารสกัดกัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้นจะไม่ใช่ทางเลือกแรก ในการรักษา และใช้เมื่อรักษาด้วยวิธีมาตรฐานไม่ได้ผลแล้วเท่านั้น โดยสารสกัดน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น องค์การฯทำการผลิต เป็น 3 สูตร คือ สูตรที่ 1 คือ THC สูงกว่า CBD สูตรที่ 2 คือ CBD สูงกว่า THC และสูตรที่ 3 คือ สัดส่วน THC และ CBD 1 ต่อ 1 ผลิตโดยยึดหลักต้องปลอดภัย(Safety) ทุกขวดที่สกัดออกมาต้องมีสารมีฤทธิ์ของยาที่ใกล้เคียงกันหมด(Consistency) และ ต้องมีประสิทธิภาพ (Efficacy) โดยหลังจากทำการเก็บเกี่ยวดอกกัญชา 140 ต้น ล็อตแรกหมดแล้ว องค์การฯจะทำความสะอาดพื้นที่เพื่อทำการปลูกในล็อตที่ 2 ต่อไปทันที โดยคาดว่าจะได้สารสกัดกัญชาล็อตที่ 2 ประมาณ ปลายปีนี้
ส่วนการดำเนินการในระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการในระดับกึ่งอุตสาหกรรม จะขยายพื้นที่ปลูกเป็นแบบ Indoor และแบบ Greenhouse พร้อมดำเนินการปรับปรุงสายพันธุ์ทั้งพันธุ์ไทยและพันธ์ลูกผสม ให้ได้สารสำคัญที่เหมาะสม และสามารถปลูกในสภาพอากาศของไทยได้ ซึ่งจะสามารถเพิ่มผลผลิตเป็น 150,000 – 200,000 ขวด คาดว่าจะสามารถดำเนินการปลูกได้ในต้นปี 2563
ผู้อำนวยการองค์การ กล่าวต่อไปว่า ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นในครั้งนี้ จะเป็นการดำเนินการเพื่อวิจัยและพัฒนา ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชารูปแบบต่างๆนอกเหนือจากชนิดหยดใต้ลิ้น ให้มีความหลากหลาย ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพการรักษาและเหมาะสมกับโรคต่างๆ ยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเภสัชกรรม
ทั้งนี้จะมีการศึกษาความคงสภาพ การศึกษาพรีคลินิก และการศึกษาคลินิก กับผู้ป่วยกลุ่มโรคต่างๆ ที่องค์การเภสัชกรรมได้ร่วมมือวิจัยในผู้ป่วยกับกรมการแพทย์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตลอดจนการบริหารจัดการนำวัตถุดิบส่วนที่เหลือจากกระบวนการผลิตทในส่วนของต้นกัญชาที่ได้จากการสกัดนำไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมการศึกษาวิจัยในโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลพียงพอสำหรับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ ต่อไป นอกจากนั้นยังจะมีการการบริหารทางวิชาการ และการพัฒนาบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังกันของทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งต่างก็มีจุดมุ่งหวังเดียวกันที่จะทำให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาเมดิคัลเกรดที่ดีมีคุณภาพ ราคาที่เข้าถึงได้
ด้านรศ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการเเทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า 5 คณะของมหาวิทยาลัย ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เภสัชศาสตร์เเละสัตวเเพทยศาสตร์ได้ร่วมมือ วิจัยเเละพัฒนาการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่ 10 ไร่ เพื่อปลูกเเละศึกษาสายพันธุ์กัญชา ทั้งพันธุ์ไทยเเละต่างประเทศซึ่งได้รับการอนุญาตจากอย.เเล้ว โดยจะทดลองปลูกพร้อมกันทั้ง 4 ระบบ เเละนำสารสกัดที่ได้มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
เบื้องต้น จะนำมาผลิตภัณฑ์ยา 10 รูปแบบ อาทิ ยาเหน็บทวารหนัก แผ่นแปะซึมผ่านผิวหนังเเละเเผ่นฟิล์มเกาะติดเนื้อเยื่อในช่องปากเเละในอนาคตจะร่วมมือกับอภ.เพื่อพัฒนารูปแบบยาที่ทันสมัยมากขึ้น เเละให้ประชาชนเข้าถึงในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ยังมีเเผนที่จะนำผลิตภัณฑ์กัญชามาทดสอบการรักษาในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของศูนย์การุณรักษ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนเเก่นด้วย นอกจากนี้ยังจะนำกากเหลือใช้จากช่อดอกกัญชาแห้งของต้นกัญชา ให้คณะสัตวแพทย์ ม.ขอนแก่น นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ต่อไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี