อีกครั้งกับ “เหตุสลด” ที่เกี่ยวข้องระหว่าง “เด็ก-มอเตอร์ไซค์” กรณีเด็กอายุ 13 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่หรือ “บิ๊กไบค์” ไปชนกับมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่งก่อนจะไถลไปชนกับรถยนต์ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย รวมถึงตัวเด็กอายุ 13 ปีรายนี้ด้วย ซึ่งที่น่าสนใจคือ “ผู้เป็นพ่อเล่าว่าลูกชายผ่านการฝึกฝนทักษะการขี่มอเตอร์ไซค์มาเป็นอย่างดี ถึงขั้นลงแข่งขันในสนามมาแล้วหลายครั้ง จึงยินยอมให้ลูกนำรถไปขี่บนถนนได้” โดยไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพูดคุยกับผู้ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์เป็นนักแข่งรถมืออาชีพ อาทิ นายพร้อมทรัพย์ ณ สุวรรณ นักศึกษาแผนกยานยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ และนักแข่งมอเตอร์ไซค์ประเภททางเรียบ เปิดเผยว่า ตนเริ่มแข่งตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยทางครอบครัวสนับสนุน ซึ่งจากกรณี เด็กชายอายุ 13 ปี ที่ขี่บิ๊กไบค์ไปประสบอุบัติเหตุ ตนมองว่า “การขับขี่ในสนามแข่งมีความปลอดภัยสูงกว่าบนท้องถนน เนื่องจากรถทุกคันในสนามจะขับขี่ไปทิศทาเดียวกัน” ต่างจากบนท้องถนนที่มีรถแล่นมาได้ทุกทิศทาง
นอกจากนี้ “ชุดที่สวมใส่ในสนามแข่งมีความปลอดภัยสูงกว่า ต่างจากที่การขับขี่บนท้องถนนที่สวมเพียงหมวกกันน็อกใบเดียวแต่สวมเสื้อผ้าชุดปกติ อย่างดีอาจจะมีเสื้อแจ๊กเกตและกางเกงขายาว” ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยประสบอุบัติเหตุในสนามแข่งทั้งที่สวมหมวกกันน็อกและสวมชุดแข่ง แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่มาก ถ้าหากเป็นท้องถนนทั่วไปตนอาจจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้อย่างแน่นอน
“การขับขี่รถบนท้องถนนต้องให้ความระมัดระวังมากที่สุดและควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้อยากจะฝากถึงน้องกลุ่มวัยรุ่นที่แต่งรถและชอบแข่งรถตามถนนสาธารณะ หากชอบการแข่งรถควรลงมาแข่งในสนาม เนื่องจากจะได้ประสบการณ์การขับขี่รถที่ถูกต้องหากมีฝีมืออาจจะมีอนาคตไกลในวงการนี้” นายพร้อมทรัพย์ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายณัฐพล แก้วมูล นักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบวัย 16 ปี กล่าวว่า ตนเริ่มแข่งประเภทวิบากมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ก่อนจะมาแข่งทางเรียบตอนอายุ 15 ปี เคยประสบอุบัติเหตุที่สนามแข่งและได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวเป็นระยะเวลานาน 3-4 เดือน “อยากเน้นย้ำให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนว่าการขับขี่รถบนท้องถนนมีความเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุสูง เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆที่เราไม่สามารถคาดเดาว่าจะมีรถจากทิศทางไหนพุ่งมาตัดหน้า” แม้กระทั่งต่อให้ตัวเราเองขับขี่ด้วยความไม่ประมาทแต่ก็ไม่อาจคาดหวังว่าคนอื่นๆ จะขับขี่รถตามกฎจราจรด้วย
ขณะที่ นายณัฐนันท์ ศรีไหม นักศึกษาแผนกยานยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ นักแข่งรถทางเรียบวัย 18 ปีที่คว้าแชมป์มาหลายรายการ เล่าว่า ตนเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบากตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ก่อนจะหันมาแข่งขันรถทางเรียบเมื่อ 2 ปีก่อน “กรณีเด็กอายุ 13 ปีที่ขี่บิ๊กไบค์แล้วประสบอุบัติเหตุ เมื่อดูจากคลิปวีดีโอ คิดว่ายังไม่มีประสบการณ์มากพอประกอบกับอายุยังน้อยและขี่รถที่มีเครื่องยนต์แรงเกินไป” อีกทั้งยังขับขี่ด้วยความเร็วสูง เมื่อมีรถคันอื่นปาดหน้าและหักหลบทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้
“ประเด็นสำคัญที่สุดการที่ขับรถที่สามารถทำความเร็วได้สูงควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ยิ่งเป็นย่านชุมชนยิ่งไม่ควรประมาทเพราะจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากรถที่มีขนาดใหญ่จะควบคุมได้ยากกว่ารถขนาดเล็กหากขับขี่ย่านในเมือง ส่วนตัวนั้นรถที่ใช้ขับขี่มาเรียนทุกวันเป็นมอเตอร์ไซค์แบบผู้หญิงที่มีใช้ทั่วไป ส่วนรถที่ใช้ในการแข่งขันจะไม่นำมาขับขี่บนทางสาธารณะ” นายณัฐนันท์ ระบุ
ด้าน น.ส.จารุวรรณ ญาณพิทักษ์ นักศึกษาแผนกยานยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ นักแข่งรถทางเรียบสาวสวยวัย 16 ปี กล่าวว่า ตนลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบมาประมาณปีกว่า และได้นำทักษะการขับขี่รถมาปรับใช้ในการขับขี่รถบนท้องถนน เช่น การใช้สมาธิการขับขี่ ขับรถด้วยความไม่ประมาทและปฏิบัติตามกฎจราจรทุกครั้ง “ในสนามแข่งจะแตกต่างจากท้องถนนทั่วไปเนื่องจากทุกครั้งที่มีการแข่งขันจะมีการเคลียร์สนามปัดทรายออก ส่วนถนนทั่วไปมีทั้งทราย และอาจจะมีน้ำขัง” ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า
นายครรชิต เมฆขลา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จะมีนักศึกษาที่เป็นนักแข่งรถถึง 4 คนแต่ทางวิทยาลัยได้กำชับเสมอว่าห้ามขับขี่รถด้วยความประมาทและให้ขับขี่รถที่มีสภาพถูกต้องตามกฎหมายมาเรียน โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างวิทยาลัย ผู้ปกครองและนักศึกษา ซึ่งมีการทำบันทึกข้อมูลรถที่ขับขี่มาเรียนไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ของวิทยาลัย
โดยวิทยาลัยมีนักศึกษารวมทั้งหมด 4 พันคน ในจำนวนนี้มีผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียนกว่า 2,200 คัน ที่ผ่านมาได้ให้นโยบายกับอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละชั้นเรียนให้ทยอยปล่อยนักศึกษากลับบ้านเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร ส่วนนโยบายลดอุบัติเหตุ ผู้ปกครองที่นำนักศึกษาทุกคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ปีแรกต้องทำบันทึกข้อตกกับทางวิทยาลัย เรื่องการขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียนต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบครบและสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง
“หากพบการฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามขั้นตอน เช่น ล็อกล้อ ตักเตือน หักคะแนนคุณธรรม และแจ้งผู้ปกครองทราบเพื่อมาตักเตือนก่อนจะนำตัวเข้าค่ายคุณธรรมต่อไป นอกจากนี้ยังได้ประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ตำรวจจราจร สำนักงานขนส่ง มาอบรมให้ความรู้เรื่องกฎจราจร ตลอดจนมีการอบรมเชิงปฏิบัติ โครงการขับขี่ปลอดภัยจากบริษัทเอกชนอีกด้วย” รอง ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา ระบุ
รายงานจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เผยแพร่เมื่อปลายปี 2561 แม้จะระบุว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนลดลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ของโลก จากเดิมที่อยู่อันดับ 2 ในปี 2558 แต่การเสียชีวิตจากมอเตอร์ไซค์นั้นยังเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะหลักของคนไทย ดังสถิติของ กรมการขนส่งทางบก ที่ระบุว่า ณ สิ้นปี 2561 มีมอเตอร์ไซค์จดทะเบียนสะสมในประเทศไทยประมาณ 20.8 ล้านคัน และในปีดังกล่าวมีมอเตอร์ไซค์จดทะเบียนใหม่ประมาณ 1.9 ล้านคัน
ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ไม่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะในต่างจังหวัด พ่อแม่ผู้ปกครองจึงมักปล่อยให้บุตรหลานใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทางแม้อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายอนุญาตคือ 15 ปี ดังนั้น เมื่อยังแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้ ยังมีความจำเป็นต้องใช้ ก็คงต้องให้ความสำคัญถึงกฎจราจร รวมถึงเลือกขนาดของรถให้เหมาะสมด้วย!!!
ศุภรักษ์ จิรกิจญาดา
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี