ผสมโรงบึ้มกรุง! ปอท.แฉ‘เฟคนิวส์’เกลื่อนโซเชียล เปิดประเภท-วิธีตรวจสอบ
5 สิงหาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก บก.ปอท.กล่าวถึงการแพร่กระจายของข่าวปลอม(Fake News) ในเวลานี้ ว่า ปัญหาข่าวปลอมที่จริงไม่ใช่เรื่องใหม่ ถือเป็นภัยคุกคามที่ทั่วโลกประสบปัญหาเช่นกัน จริงๆแล้วเกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้สื่อโซเชียลเปลี่ยนไป จากเดิมที่ติดตามข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆ ที่มีการคัดกรองข้อมูลข่าวในระดับหนึ่ง มาเป็นการอ่านข่าวจากห้องแชทในกลุ่มเพื่อน หรือ Feed ข่าวในสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วเชื่อโดยไม่ทันตรวจสอบข้อมูล
จากนั้นได้ส่งต่อข้อมูล ซึ่งปัจจุบันทำได้โดยง่ายมาก แค่กดก๊อปปี้แล้ววาง ทำให้ข่าวปลอมแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ข่าวปลอมก็พยายามหาวิธีการ เช่น ใช้ URL ที่คล้ายกับสำนักข่าวใหญ่ๆ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือ มีการนำภาพในเหตุการณ์อื่นจากกูเกิ้ลมาประกอบเพื่อให้ดูเหมือนจริง
โฆษก บก.ปอท. กล่าวอีกว่า ประเภทหลักๆของข่าวปลอมที่สร้างความสับสนในสังคม แบ่งออกได้ คือ 1.ความคึกคะนองของผู้เสพสื่อ (เกรียน) สร้าง Content แปลกๆ หวือหวา แล้วแพร่กระจาย
2.เพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงินโดยจะใช้เหตุการณ์ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจแล้วนำบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาประกอบข่าว โดยใช้ Caption หรือหัวข้อข่าวที่น่าตกใจ หลอกประชาชนให้เข้าไปกดอ่าน เขาก็จะได้ยอดวิว ซึ่งจะมีผลต่อตัวเงินรายได้ของเขา
3.ข่าวปลอมสร้างความขัดแย้งในสังคม หรือทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech)เป็นขบวนการของฝ่ายเห็นต่างกันทางการเมือง พยายามหาข้อมูลที่เป็นเท็จโจมตีฝ่ายตรงข้าม
สำหรับวิธีป้องกัน คือ 1.ตั้งสติคิดก่อนอย่าเพิ่งเชื่อ ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเครื่องมือของเขา คิดถึงความเป็นไปได้ ความสมเหตุสมผลของเนื้อหา ตรวจสอบในเว็บไซด์สำนักข่าวหลักๆ ที่น่าเชื่อถือได้เปรียบเทียบหลายๆ แห่ง ว่ามีข่าวแบบเดียวกันหรือไม่ ตรวจสอบข้อมูลในกูเกิ้ล ตรวจสอบกับเวลาของข่าวเพราะบางทีเป็นข่าวเก่าที่มีการเอามาแชร์ใหม่ ตรวจสอบกับเว็บไซด์ของหน่วยงานหรือทางราชการ โฆษกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการยืนยันข้อมูลหรือไม่อย่างไร
2.ดูโฆษณาในเว็บไซด์ ข่าวปลอมจะเป็นโฆษณาที่ผิดกฎหมาย
3.บางเว็บไซด์มีมาตรการป้องกัน เช่น เฟซบุ๊กมีการใช้ ระบบตรวจสอบข้อมูล สังเกตตัว i เล็กๆ ที่ด้านล่างของข่าว เมื่อกดจะมีข้อมูลของเว็บไซด์ของลิงค์ข่าว
4.เมื่อพลาดพลั้งส่งข่าวปลอม พอรู้ตัวแล้วควรจะลบทิ้ง เพื่อมิให้เกิดการแพร่กระจายข่าวปลอมต่อ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ยกตัวอย่างข่าวปลอมให้เห็น เช่น เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมาตรวจสอบพบว่ามีการส่งต่อข้อมูลว่า ทางการประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ 7 แห่งทั่ว กทม.นั้น ข้อเท็จจริงไม่มีการประกาศจากทางราชการแต่อย่างใด อันนี้เป็นการนำข้อมูลที่เป็นเท็จมาประกอบข่าวเหตุระเบิดจริงผสมกันไป พอคนอ่านแล้วทำให้เชื่อก็ส่งต่อทันที ซึ่งภายหลัง โฆษก กอ.รมน.ได้ออกมาแถลงว่าข่าวนั้นไม่ใช่ข่าวจริง ยังไม่มีการประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น อย่างนี้แหละที่ถือว่าเป็นข่าวปลอมFake News ซึ่งบางท่านหวังดี อยากให้พรรคพวกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องทราบข่าวโดยเร็วจึงรีบส่งต่อทันที แต่อย่างไรก็ดี เมื่อมีการแถลงจากทางราชการแล้ว เป็นไปได้ก็ขอความกรุณาช่วยลบข้อมูลข่าวปลอมเหล่านั้นออก
สำหรับผู้สูงวัยที่อาจจะไม่ทราบวิธีการลบ ก็ลองสอบถามลูกหลานดูวิธีการลบข้อความที่ส่งที่แชร์ต่อ Unsend อย่างไร จะทำให้ข้อมูลข่าวปลอมเหล่านี้ออกไปนอกระบบไม่แพร่กระจายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี