ชาวบ้านห้วยพระบุกศาลากลาง ยื่นหลักฐานต่อพ่อเมือง หลังยืดเยื้อมากว่าสิบปี แฉเจ้าหน้าที่ที่ดินรวมหัวกับนายทุน ออกโฉนดทับที่ทำกินและสาธารณะ
วันที่ 20 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม มีชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้าน 2 ตำบล ประกอบด้วยบ้านห้วยพระ หมู่ 9 หมู่ 14 ต.ท่าจำปา และบ้านคำฮาก หมู่ 10 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ประมาณ 200 คน ได้นัดมารวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม พร้อมยื่นหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ที่ดินออกโฉนดทับที่ทำกินของชาวบ้านและที่สาธารณะต่อ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เนื่องจากกรณีมีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินของนายทุน เพราะมีการออกโฉนดทับที่ดินสาธารณประโยชน์ และบางส่วนทับที่ดินทำกินของชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้าน ปรากฎว่า ผวจ.นครพนม มีราชการด่วนที่จังหวัดสุรินทร์ จึงมอบหมายให้นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดฯ เป็นผู้รับแทน
นายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 เป็นตัวแทนของชาวบ้านนำป้ายไวนิลที่เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียม ระบุตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่นายทุนเข้าครอบครองชี้แจงต่อหน้าปลัดจังหวัดนครพนม และนายไชยวุฒิ วัชเรนทร์สุนทร รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์ดำรงธรรมฯ ว่า มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับลำห้วยสาธารณะ และบางแห่งเข้าไปยึดครองที่ดินสาธารณะ ซึ่งเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์อยู่เกาะกลางลำห้วย แต่พลิกแพลงสามารถออกโฉนดได้ทั้งเกาะ โดยในภาพถ่ายทางอากาศยังได้แสดงถึงตำแหน่งของโฉนดที่ดินหลายแปลงรุกล้ำลงไปในหนองน้ำสาธารณะหมดทั้งแปลงเลยก็มี
ด้าน นายเรืองชัย วงศ์อุระ ผู้รับมอบอำนาจจากชาวบ้านให้เป็นตัวแทนของชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้ติดตามเรื่องพิพาทดังกล่าวมากว่า 10 ปี ชี้แจงสมทบต่อว่านายทุนเข้ามาครอบครองที่ดินอย่างมีเงื่อนงำ ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้าน ที่มีใบ น.ส.3 หรือใบจอง ได้ไปขอรังวัดเพื่อออกเป็นโฉนด จ่ายเงินค่าธรรมเนียมเรียบร้อย แต่เจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงว่ายังไม่มีคิวหรือไม่ว่าง แต่พอนายทุนยื่นขอรังวัด มีคนในสำนักงานที่ดินบางคน ออกไปบริการปักหมุดโฉนดไว้ให้ล่วงหน้า ใช้เวลาในการได้มาซึ่งโฉนดไม่ถึง 1 เดือน แต่กับชาวบ้านรอมาหลายปีก็ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้
นายเรืองชัย วงศ์อุระ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าชาวบ้านไม่ได้ต่อสู้แค่นายทุนเท่านั้น พวกเขายังต้องต่อสู้กับคนของรัฐ ที่อำนวยความสะดวกให้กับนายทุนอีกด้วย แม้ขึ้นศาลยังแพ้เพราะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินไปเบิกความเข้าข้างนายทุน วันนี้ชาวบ้านไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว จึงร่วมกันถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอให้ทรงช่วยต่อไป
ขณะเดียวกันนายวรากร ปานเพชร จ่าจังหวัดนครพนม ผู้เคยสอบสวนเรื่องนี้มาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เผยต่อที่ประชุมว่า ครั้งนั้นหลังได้รับเรื่องร้องเรียนก็ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบมีการบุกรุกที่ดินสาธารณะและที่ดินของชาวบ้านจริง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นทราบทั้งหมดแล้ว แต่ก็คาราคาซังมาจนถึงปัจจุบัน
ด้านนายพงษ์ภาณุ พิมลภัทรกุล เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม ที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งไม่ถึง 2 เดือน ก็รับปากจะลงไปดูรายละเอียดย้อนหลังอีกครั้ง และขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งถึงอธิบดีกรมที่ดินทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีคนของรัฐบางคนคอยช่วยเหลือนายทุน อ้างการที่นายทุนแจ้งขอรังวัดสอบเขตที่ดินเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อแสดงความจริงใจในการที่จะคืนส่วนที่เป็นสาธารณะ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงหากถือครองโฉนดแล้วไม่จำเป็นต้องขอรังวัดสอบเขตอีกก็ได้ แต่ตรงกันข้ามพอมีชาวบ้านไปดูการรังวัดเพื่อสอบเขตครั้งนั้น นายทุนกลับมีหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมนครพนม โดยกล่าวหาว่า ถูกชาวบ้านรังแกพูดจาให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานราชการให้ช่วยดำเนินการกับแกนนำชาวบ้านที่ประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงสารวัตรกำนัน
ขณะเดียวกันก็มีข้าราชการในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน เด้งรับลูก มีหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านที่เป็นแกนนำ ให้ทำหนังสือชี้แจงตามที่นายทุนร้องเรียน โดยไม่ได้ระบุวันที่ว่าจะให้ส่งคำชี้แจงวันไหน ซึ่งชาวบ้านได้ตั้งข้อสังเกตุว่าอาจจะเป็นกลวิธีเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาตกหลุมพราง เพื่อดำเนินการทางวินัยการปกครองที่ตนมีอำนาจอยู่นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี