“อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี” จ.อุตรดิตถ์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชสมัย “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2520 และทรงมีพระราชดำริให้ กรมชลประทาน พิจารณาดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำให้กับประชาชนที่ต้องอพยพโยกย้ายออกจากพื้นที่ที่ใช้สร้างเขื่อนด้วย ซึ่งในปี 2529 กรมชลประทานได้สร้างระบบส่งท่อน้ำจากอาคารระบายน้ำของเขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ แต่ก็พบว่าไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2542 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จฯทรงเยี่ยมประชาชนที่บ้านห้วยต้า ต.นางพญา อ.ท่าปลา แล้วมีประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอให้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี แต่ในการประชุมชี้แจงแนวทางการก่อสร้าง ณ เวลานั้น ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ได้ชี้แจงว่าการจะรับโครงการนี้เป็นโครงการพระราชดำริ จำเป็นต้องให้กรมชลประทานศึกษารายละเอียดเสียก่อน
เมื่อเร็วๆ นี้ กรมชลประทานได้พาคณะสื่อมวลชนไปดูความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี ซึ่ง นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เล่าว่า ด้วยเพราะพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนอยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1เอ จึงได้ศึกษาวางโครงการขนาดเล็กสำหรับการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเกษตรจำนวน 4 โครงการ แต่โครงการขนาดเล็กทั้ง 4 โครงการก็ยังไม่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ทั้งหมด โดยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีจะทำให้แก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์
จากนั้นตัวแทนสมาชิกนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านได้มีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทางราชการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี กระทั่งวันที่ 17 ก.ค. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี พร้อมระบบผันน้ำ ระบบส่งน้ำและอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามหนังสือของสำนักราชเลขาธิการ ลงวันที่ 29 ก.ย. 2548
นายเฉลิมเกียรติ เล่าต่อไปว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งนี้จะทำแบบครบวงจร พร้อมระบบผันน้ำ ระบบส่งน้ำ และอาคารประกอบ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรให้แก่ประชาชนในนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประชาชนได้เสียสละพื้นที่ทำกินในการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เมื่อปี 2515 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว และได้ทรงติดตามพร้อมกับพระราชทานความช่วยเหลือมาโดยตลอด
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 หมื่นไร่ มีกำหนดระยะเวลาสร้าง 8 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2561 งบประมาณ 4.8 พันล้านบาท หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยให้ประชาชนในเขต อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง โดยครอบคลุมพื้นที่แล้งซ้ำซากกว่า 6,856 ครัวเรือน ในเขต ต.น้ำหมันและ ต.วังดิน อ.เมือง รวม 2,787 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี มีน้ำใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่แปลงอพยพจากเขื่อนสิริกิติ์ 4 ตำบลหลัก ได้แก่ ต.จริม ต.ท่าปลา ต.หาดล้า ต.ร่วมจิต รวมถึงบางส่วนของ ต.น้ำหมัน
และประชาชนอีก 3 ตำบล ในเขตพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ยังได้ประโยชน์ด้วย ได้แก่ ต.หาดงิ้ว ต.บ้านด่าน และ ต.แสนตอ รวมพื้นที่ได้รับประโยชน์ 91,080 ไร่ ครอบคลุม 60 หมู่บ้าน ใช้น้ำทำการเกษตร 61.60 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทั้งนี้ นอกจากการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สินแล้ว กรมชลประทานยังได้จัดเวทีประชาคมใน 5 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือน ต.ค. 2561 เพื่อสนับสนุนด้านอาชีพ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วย
สำหรับความคืบหน้าของโครงการ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 50 แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้ 1.เขื่อนหัวงานและอาคารประกอบพร้อมอุโมงค์ส่งน้ำ เริ่มดำเนินงานเมื่อ 1 พ.ค.2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จวันที่ 28 ก.ย. 2563 เสร็จสิ้นแล้วร้อยละ 86.890 ช้ากว่าแผนงานอยู่ที่ราวร้อยละ 3.815 2.ระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบ (สัญญาที่ 1) เริ่มดำเนินการวันที่ 1 ก.ค. 2560 จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 ธ.ค. 2562 เสร็จสิ้นแล้วร้อยละ 83.150% ช้ากว่าแผนงานร้อยละ 9.182
3.ระบบท่อส่งน้ำและอาคารประกอบ (สัญญาที่ 2) เริ่มดำเนินงานวันที่ 8 ส.ค. 2561 จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 27 ก.ค. 2563 ปัจจุบันแล้วเสร็จทั้งสิ้นร้อยละ 48.415 ช้ากว่าแผนงานราวร้อยละ 7.269 4.งานปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหัวงาน (ระยะที่ 1) เริ่มสัญญาวันที่ 1 ส.ค.2561 ได้สิ้นสุดสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2562 ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 5.งานปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณหัวงาน (ระยะที่ 2) เริ่มดำเนินงานตามสัญญาวันที่ 12 มี.ค.2562 และจะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 7 ก.ย. 2562 ดำเนินการแล้วร้อยละ 30.20 ช้ากว่าแผนงานร้อยละ 54.781
6.ระบบท่อส่งน้ำสายซอยและอาคารประกอบ เป็นงานดำเนินการเอง ดำเนินการแล้วร้อยละ 89.10 ช้ากว่าแผนงานร้อยละ 0.9 และ 7.งานป้องกันการกัดเซาะท้ายอาคารระบายน้ำล้น เป็นงานดำเนินการเอง ดำเนินการแล้วร้อยละ 20.918 ช้ากว่าแผนงานร้อยละ 41.082 ส่วน “มาตรการการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม” นั้น กรมชลประทานได้มีแผนการป้องกันแก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมรองรับ ทั้งหมด 27 แผน
แบ่งเป็น แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม 10 แผน และแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม 17 แผน มีระยะเวลาดำเนินการรวมทั้งหมด 10 ปี ตั้งแต่ 2555-2564 หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด 14 หน่วยงาน ซึ่งสำหรับผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม นายเฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ได้แบ่งออกเป็นส่วนๆ เช่น งานด้านการปลูกป่าทดแทน อนุรักษ์ป่าไม้ ดินและน้ำ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ตั้งแต่ปี 2555
โดยจัดกิจกรรมปลูกป่าทดแทนรวม 4,395 ไร่ สร้างฝาย 97 ฝาย เป็นฝายชะลอน้ำกึ่งถาวร 23 ฝาย และฝายชะลอน้ำผสมผสาน 23 ฝาย รวมถึงการบำรุงป่าและบำรุงรักษาระบบนิเวศต้นน้ำ อีกทั้งยังมีการดำเนินการด้านการป้องกันการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน โดยทำความเข้าใจกับประชาชนในบริเวณลุ่มน้ำรี เพื่อให้มีความร่วมมือกับภาครัฐในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
เพื่อให้มีน้ำอุปโภค-บริโภคอย่างเพียงพอและยั่งยืน!!!
บุษยมาศ ซองรัมย์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี