3 กันยายน 2562 “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้มีโอกาสไปเยี่ยม "โรงพยาบาลสัตว์รัชดา" Ratchada Pets Hospital ตั้งอยู่เลขที่ 210 ซ. รัชดาภิเษก 7 (นาทอง) ดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ทาง นายสัตวแพทย์ (น.สพ.)นนทษิต ชุติญาณวัฒน์ ผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ หนึ่งในทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาสุนัขเกรทเดน 13 สุนัข ในพระบรมราชานุเคราะห์
ซึ่งโชคดีที่เมื่อทีมข่าวฯไปถึง ได้มีเจ้าของนำสุนัขพันธุ์ชิสุกับแมวพันธุ์เปอร์เซียมารักษาที่ รพ.สัตว์รัชดาพอดี "ทีมข่าวฯ" จึงได้สอบถามอาการกับทางคุณหมอ ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า สำหรับสุนัขพันธุ์ชิสุตัวนี้มีปัญหาเรื่อง “ไตทำงานผิดปกติ” เจ้าของจึงมาฝากทาง รพ.สัตว์รัชดาเฝ้าติดตามสถานะการทำงานของไต ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด ทำให้ปัจจุบันค่าไตลดลงจึงเปลี่ยนรูปแบบมาให้ทางใต้ผิวหนังแทน และเฝ้าติดตามโดยการให้ยาและคุมอาหารเลี่ยงอาหารที่ส่งผลต่อโรคไต ซึ่งเค้าก็ตอบสนองดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่พบการอาเจียนและภาวะถ่ายผิดปกติ
ขณะที่ “น้องน้ำแข็ง” แมวพันธุ์เปอร์เซีย มีภาวะอ่อนแรงจึงได้ทำการตรวจร่างกายและเจาะเลือดเพื่อนำเกร็ดเลือดไปตรวจ จากการตรวจอย่างละเอียดพบว่ามีภาวะ “โลหิตจาง” และผลการตรวจระดับเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ หมอจึงทำการแยกชนิดของเม็ดเลือดขาว ก็พบว่าเป็น “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีระดับเม็ดเลือดแดงที่ต่ำมาก จึงอยู่ในกระบวนการของการให้เลือดจึงเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
จากนั้นก็จะรักษาด้วยวิธี “เคมีบำบัด” แต่ก็ต้องประเมินสภาพร่างกายของน้องน้ำแข็งอีกทีหนึ่งว่ามีความพร้อมทางร่างกายมากน้อยแค่ไหน
นายสัตวแพทย์ (น.สพ.)นนทษิต ชุติญาณวัฒน์ ผู้ดูแลโรงพยาบาลสัตว์รัชดา บอกอีกว่า สุนัขในแต่ละพันธุ์ก็จะมีโรคประจำตัวแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างสุนัขในกลุ่ม “Giant Beat” หรือสุนัขพันธุ์ใหญ่อย่าง “สุนัขพันธุ์เกรทเดน” ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 10) ทรงรับสุนัขเกรทเดน 13 สุนัขไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ก็จะมีปัญหาในเรื่องของ “หัวใจ-กระดูกและข้อสะโพก” โดยเฉพาะ “โรคหัวใจ” ที่เราจะทราบได้ก็ต่อเมื่อมีการติดตามและพาไปตรวจร่างกายเป็นระยะๆ เพราะหากตรวจพบแต่เนิ่นๆ ก็ทำให้เราดูแลรักษาได้ทัน
ส่วนสุนัขพันธุ์ “ไซบีเรียน ฮัสกี้” สุนัขพันธุ์ใหญ่ขนยาวที่มักจะมีปัญหาเรื่อง “โรคผิวหนัง” และด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนจัดจึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในบ้านเรา ขณะที่ สุนัขพันธุ์ “ลาบราดอร์” และ “โกลเด้น รีทรีฟเวอร์” จะมีปัญหาเรื่อง “โรคข้อสะโพกเสื่อม” โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน
“โดยการรักษาขั้นต้นจะเริ่มจากให้ทานยา ถ้าเป็นหนักขึ้นมาหน่อยก็ต้องทำกายภาพบำบัดโดยการว่ายน้ำ หรือไม่ก็ต้องผ่าตัดหัวกระดูก แต่ถ้าเจ้าของมีกำลังจ่ายมากก็อาจจะเปลี่ยนข้อสะโพก ซึ่งตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงพอสมควร”
ขณะเดียวกัน “สุนัขพันธุ์เล็ก” อย่าง “พันธุ์ชิสุ” ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์หน้าสั้น จึงมักมีปัญหาในเรื่องของ "ระบบทางเดินหายใจ" เนื่องจากมีโครงสร้างที่ผิดปกติทำให้ส่งผลกับทางเดินหายใจส่วนต้น และอีกโรคที่มักเจอบ่อยๆคือ “โรคผิวหนังและขน” เพราะผิวที่บอบบางและแห้งจึงเกิดการแพ้ได้ง่าย ต้องบำรุงให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และก็มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เพราะโครงหน้าที่สั้นทำให้มีการกระแทกและกระทบกระเทือนง่ายจึงเจ็บตาบ่อยๆ
เช่นเดียวกับ “พันธุ์ชิวาว่า” กับ “พันธุ์ปอมเมอเรเนียน” ที่มักจะมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ แต่จะมี “โรคสะบ้าเคลื่อน” ด้วย ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของลูกสะบ้า โดยมักพบว่า “ลูกสะบ้า” จะเคลื่อนออกไปทางด้านใน มากกว่าเคลื่อนออกไปทางด้านนอกของร่องกระดูกต้นขาหลัง ซึ่งไม่ค่อยพบในสุนัขพันธุ์ชิสุ
“ส่วนใหญ่จะเป็นมาแต่กำเนิด โดยเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบในสุนัขอายุน้อยกว่า 1 ปี หรืออาจเกิดขึ้นมาภายหลังจากการกระทบกระเทือนก็ได้ "
ซึ่งระดับความรุนแรงของโรคสะบ้าเคลื่อนนั้น น.สพ.นนทษิต ก็ได้แบ่งเกรดระดับความรุนแรงของโรคออกเป็น 4 เกรด หากเป็นอยู่ในระดับเกรด 1 ก็รักษาด้วยด้วยการกินยา ร่วมกับการทำกายภาพและควบคุมน้ำหนัก หากเป็นมากขึ้นตั้งแต่เกรด 2 ขึ้นไปจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดร่วมด้วย ซึ่งก็มีหลายวิธีแต่ละวิธีก็จะมีจุดประสงค์เพื่อจัดแนวของลูกสะบ้าให้อยู่ในร่อง ซึ่งทางโรงพยาบาลสัตว์รัชดาก็สามารถรักษาผ่าตัดได้ทันที
จากนั้น “คุณหมอนนทษิต” ก็ได้พา “ทีมข่าวฯ” เดินสำรวจภายในโรงพยาบาลสัตว์รัชดา พร้อมบอกอีกว่า หากมีสัตว์ป่วยวิกฤติกรณีฉุกเฉินเข้ามาในช่วงเวลาทำการก็พร้อมรับมือทุกตัว เพราะมี “ทีมสัตว์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” เฉพาะด้านผลัดเวียนหมุนเปลี่ยนมาทำการรักษาอยู่ตลอด ซึ่งในส่วนของ “นายสัตวแพทย์(น.สพ.)นนทษิต ชุติญาณวัฒน์” จะดูแลในเรื่องของ “ระบบประสาท” ตั้งแต่ “ชัก อ่อนแรง อัมพาต” รวมไปถึง “ความจำ” นับว่าดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบประสาทเลยก็ว่าได้
“ที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้ก็ยังมีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “โรคผิวหนัง” โดยตรงที่สามารถวินิจฉัย “สารก่อภูมิแพ้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเจาะเลือดหรือวิธีฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปที่ใต้ผิวหนังก็ตาม สามารถบอกได้เลยว่าสุนัขหรือแมวแพ้อะไร เรายังมีหมอที่ดูแลเรื่องดวงตา โรคระบบสืบพันธุ์อีกด้วย ในส่วนของ รพ.สัตว์รัชดายังให้บริการ “อัลตร้าซาวด์” เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติทางช่องท้องอีกด้วย โดยผู้ที่ทำการตรวจอัลตร้าซาวด์จะเป็นทีมสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตรศาสตร์” น.สพ.นนทษิต กล่าว
น.สพ.นนทษิต ยังบอกอีกว่า นอกจากมีทีมสัตวแพทย์เฉพาะทางแล้วที่นี่ยังมี “ห้องผ่าตัด” หากมีกรณีฉุกเฉินและหมอประเมินแล้วว่าควรผ่าตัดเราก็พร้อมผ่าทันที ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดทำหมัน เนื้องอก หรือแม้แต่ช่องท้องฉีกขาด ซึ่งเจ้าของอุ่นใจได้ว่าการผ่าตัดจะไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นเมื่อมาถึง รพ.สัตว์ฯแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีห้องฝากสัตว์ป่วยที่แยกระหว่างสุนัขและเเมว และมีห้องสัตว์ป่วยติดเชื้อ
หากทางโรงพยาบาลรับสัตว์ป่วยติดเชื้อเข้ามารักษาจะมีการดูแลเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและแยกมาอยู่ห้องปลอดเชื้อ โดยเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นสัตว์ป่วยทั่วไปก็จะรักษาตามวงรอบการรักษาที่หมอนัดในแต่ละครั้ง ซึ่งในอนาคตที่โรงพยาบาลสัตว์รัชดาจะทำการเปิดรับฝากดูแลสัตว์ป่วยวิกฤติ 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี