“การรอคอยคือการ..ทรมาน” คำนี้จะรู้ซึ้งก็ต่อเมื่อเราเป็นฝ่ายรอ และรอใคร เช่นเดียวกับการรอคอยครอบครัวที่อยู่ “หลังกำแพงสูง” สุดแสนจะทรมานยิ่งกว่าการรอคอยใดๆ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันเมื่อไร ไม่ได้คุยหรือเห็นหน้ากันทุกวัน แต่กำลังใจจากคนคอยด้วยกันก็สำคัญ เมื่อมีคนบางกลุ่มที่รู้ซึ้งเข้าใจถึง “การรอคอย” นี้จึงหันมาสร้าง “เพจเฟสบุ๊ค” เกี่ยวกับ..การคอยคนที่อยู่ในเรือนจำ
อย่างเพจเฟซบุ๊คที่มีชื่อว่า “นานเท่าไรก็รอ(เมียนช.) ซึ่งแอดมินได้เผยกับ “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ว่า มีเพจเกี่ยวกับเรื่องของคนหลังกำแพงเยอะมาก แต่เพจนี้เพิ่งสร้างเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกเพจทุกคน โดยตอนนี้มีสมาชิกกว่า 1,900 คนแล้ว จุดประสงค์ที่สร้างเพจนี้ขึ้นมาก็เพื่อคอยให้คำปรึกษาและให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังรอคนในเรือนจำทุกคน และเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของลูกเพจ
จะมีลูกเพจมาปรึกษาบ้างส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคดี และเรื่องการสอบเลื่อนชั้นข้างใน ซึ่งลูกเพจก็จะได้รับคำแนะนำกลับไป และเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆเราก็ดีใจทำเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจคนหลายๆคนได้นับว่าเป็นผลดีแก่ทุกฝ่ายไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร ส่วนใหญ่คนที่ขอเข้ากลุ่มมาเราจะเปิดรับทุกคนและมาคอยดูทีหลังว่าเมื่อลูกเพจเข้ากลุ่มมาแล้วปฏิบัติตามกฎของกลุ่มไหม ถ้าไม่ทำตามกฎหรือข้อตกลงกันก็จำเป็นต้อง “ลบออกจากกลุ่ม”
เช่นเดียวกับด้าน คุณนริศรา (สงวนนามสกุล) หรือ “คุณดรีม” แอดมินเพจ “คนติดไม่ท้อ - คนรอไม่ทิ้ง : กำลังใจสร้างได้ด้วยตัวเอง” เผยว่า ที่เปิดเพจเฟซบุ๊คนี้ขึ้นมาก็เพื่อ “สร้างกำลังใจ” ให้กับภรรยาหรือสามีที่รอคนข้างในเรือนจำ ซึ่งจะรวมกลุ่มคนที่เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันอยู่ในกลุ่ม เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่เจอเรื่องนี้ หรือต่อให้เหลืออยู่คนเดียวก็ยังมีกำลังใจจากทุกคนในกลุ่มนี้อยู่
“และเป็นเพจที่จะคอยรับฟังปัญหาของลูกเพจ ส่วนใหญ่ลูกเพจจะมาปรึกษาเรื่อง พ.ร.บ.ยาเสพติด เรื่องที่หนักใจมากที่สุด เพราะว่ายาเสพติดมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยถึงแม้ว่ามันจะเป็นเงินร้อนแต่มันก็หมดเร็วเรื่องแบบนี้มันพูดยาก และจากการสอบถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดนั้น ใน 1 วันเราเจอประมาณ 10-15 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือรายใหญ่ทางภาคใต้ที่โดนจับเพราะเขาเป็นคนขนและส่งยา
ซึ่งทางภรรยาของเขาก็ทักเพจกลับมาว่า “พี่คะมีทางไหนที่พอจะช่วยได้ไหม พี่คะมีทางไหนที่พอจะให้เขาออกมาได้ไหม” แต่คือด้วยความที่ว่าเขาทำแบบนั้นไปแล้วมันไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แล้ว ทางเพจก็ได้แต่ให้กำลังใจและให้คำแนะนำบอกเขาคนที่อยู่ข้างในว่าทำตัวดีๆอย่าดื้ออย่าซน เขามีกิจกรรมอะไรก็ให้ทำ เพราะหนึ่งในนั้นการทำกิจกรรมมันทำให้ลดโทษได้ ,เรื่องเกี่ยวกับการค้ำประกันและฉ้อโกง ก็มีคนมาขอคำปรึกษาเรื่อยๆแต่ต่างคนก็ต่างปัญหา ซึ่งเราก็ได้แนะนำไปเพื่อให้เขานำกลับไปใช้กับตัวเอง โดยเบื้องหลังจะมีทนายให้คำแนะนำทุกครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเดี๋ยวนี้การจ้างทนายแต่ละครั้งต้องเสียเงินหลายบาท แล้วทางกลับกันลองคิดถึงคนที่เขาไม่มีรายได้เขาจะทำยังไงนี่คือเหตุผลที่เราสร้างเพจนี้ขึ้นมา”
คุณดรีม กล่าวต่อไปว่า หลังจากเปิดเพจได้ไม่นานได้รับการตอบรับจากสมาชิกดีมาก ซึ่งตอนนี้มีมากกว่า 500 คนแล้ว เพราะเมื่อลูกเพจติดตามเพจเราก็จะได้ประโยชน์จากเพจเราด้วย เพราะแอดมินเพจฯได้รู้และเข้าใจว่าโลกข้างในมันเป็นยังไง เพราะได้รับรู้ถึงปัญหาต่างๆของพี่น้องจากลูกเพจทุกคน และยังได้ศึกษาอะไรหลายๆอย่าง ได้ให้กำลังใจจากคนข้างใน ได้รู้ถึงการที่เราได้รอใครสักคน ได้รู้ถึงความรักที่คนมีต่อกัน ได้รู้อะไรหลายๆอย่างจากเรื่องนี้ ได้รู้ว่าเราจะต้องไม่หลงผิดไปทำในสิ่งที่ผิดแล้วก็ยังได้รู้ว่าคนข้างในเขาใช้ชีวิตการเป็นอยู่ยังไง ซึ่งข้างในไม่ได้น่าอยู่เหมือนข้างนอกแต่ยอมรับว่าข้างในเขามีทัศนคติและสภาพแวดล้อมที่ดีมาก
“โดยหลักๆแล้วเพจนี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเยี่ยม เรื่องของคดีและจะมีการทำของขวัญ เช่น วาดรูป เพื่อเป็นของฝากให้คนข้างใน ซึ่งทุกคนสามารถกดติดตามเพจเราได้ยินดีต้อนรับทุกคน เรามั่นใจว่าทุกคนเกิดมาต้องอยากรู้ว่าข้างในเป็นยังไง แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ซึ่งเพจเรามีคำตอบให้กับทุกคน และเราจะทำคล้ายๆกับสตอรี่เมียนักโทษที่เขายังรอคอยคนรักกลับมา ซึ่งตอนนี้เรากำลังทำโปรเจกใหม่เพื่อหาช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่เมียนักโทษเพื่อให้เขาได้มีกำลังใจในการสู้ต่อไป”
แอดมินเพจฯ บอกอีกว่า เพจดังกล่าวเป็นแค่ตัวกลางการ “สื่ออารมณ์” ของนักโทษแต่ละคนที่มีต่อครอบครัวหรือบางคนที่ไร้ญาติ นักโทษบางคนพ้นโทษออกมาแล้วไม่มีงานทำเพราะเขาเห็นว่าเป็นนักโทษ แต่หลายคนคงไม่เชื่อว่านักโทษทุกคนที่พ้นโทษออกมา สามารถทำงานได้ปกติเหมือนคนที่ไม่มีประวัติเลยแถมเขายังทำได้เก่งและดีกว่าคนที่ไม่มีประวัติเลยด้วยซ้ำ และที่สร้างเพจนี้ขึ้นส่วนหนึ่งก็เพื่อ “เปิดโลกกว้าง” เพราะรู้ว่ามีนักโทษออกมาทุกวันและตนอยากให้เขาเห็นว่าเรายังเป็นกำลังใจให้เขาได้อยู่
“จึงอยากให้เขาสู้เพราะเราอยากจะให้เขาปรับตัวไปในทางที่ดีถึงแม้ตอนนี้ยังส่วนน้อยที่ทำได้ แต่อยากให้รู้ว่ายังมีเราและสมาชิกลูกเพจอีก 500-600 คนคอยเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วข้างในเขาดูแลอบรมคนยังไงเราก็จะมอบความรักให้คุณแบบนั้น แอดฯเชื่อว่านักโทษทุกคนอยากจะออกมาอยู่ข้างนอก อยากจะแก้ไขตัวเองให้มันดีขึ้น ดังนึ้นจึงอยากให้ทุกคนในสังคมจงเชื่อเถอะค่ะว่าเขาทำได้” คุณดรีม กล่าว
นอกจากนี้ คุณดรีม “แอดมินเพจ “คนติดไม่ท้อ - คนรอไม่ทิ้ง : กำลังใจสร้างได้ด้วยตัวเอง” ยังฝากถึงคนที่อยู่ข้างนอกว่า ข้างในไม่ได้สะดวกสบายอะไรไปทั้งหมด มันอาจจะแค่ไม่มีโทรศัพท์เล่น ไม่ได้กินอาหารตามสั่งแล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่างแต่เชื่อเถอะค่ะว่าข้างในมันไม่ได้สนุกอย่างที่ทุกคนคิดอย่าทำผิดกันเลย ก่อนที่จะทำอะไรก็คิดดีๆเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้นอกจากลูกเมียจะเสียใจครอบครัวยังเสียใจอีกด้วย ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้นอกจากว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดและมุ่งมั่นตั้งใจกับตัวเองว่าอย่าทำสิ่งที่ไม่ดี
ส่วนคนที่อยู่หลังกำแพงตนก็ได้แต่ให้กำลังใจ แต่เชื่อเถอะว่าอากาศข้างในกับอากาศข้างนอกมันเหมือนกัน แต่ต่างกันแค่มีกำแพงบางๆกั้นไว้แค่นั้น ตอนนี้ทุกคนทำผิด ทุกคนสำนึกผิดคือคุณเป็นคนที่เยี่ยมมากแต่ต่างกับคนบางคนที่อยู่ข้างนอกที่ทำผิดแต่ไม่สำนึกผิด
“เชื่อเถอะว่าคนข้างในเขาก็เป็นคนเหมือนกันกับเรา เขาต้องการแค่คนที่อยู่ข้างนอกให้โอกาสคนข้างในบ้าง ซึ่งเขาอาจจะสักลาย เขาอาจจะมีประวัติที่ไม่ดีแต่แอดมินเชื่อว่าคนที่เขาออกมาแล้วกลับตัวกลับใจจริงๆก็มีและพร้อมที่จะทำงานฉันไม่ได้ขออะไรเยอะแค่ขอให้ทุกคนให้ความไว้ใจกับคนเหล่านี้ก็เท่านั้นเอง” คุณดรีม ระบุ
ด้าน นางกฤษณา (สงวนนามสกุล) หรือ “คุณแอน” อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ 1 ในสมาชิกเพจ “นานเท่าไรก็รอ(เมียนช.)” เผยว่า แฟนของตนโดนข้อหาครอบครองและจำหน่ายยากเสพติด เพราะมียาเกิน 16 เม็ด แต่จริงๆแค่เสพอย่างเดียว ด้วยที่บ้านทำงานใช้แรงงานโดยการ “ตีนา” ไถนาหว่านตม แฟนจึงหันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อให้ร่างกายได้ทนต่อสภาวะการทำงาน เรื่องมาเกิดเพราะวันนั้นแฟนหลับปลุกไม่ตื่นและเป็นจังหวะที่ตำรวจมาค้นที่ “กระท่อมปลายนา” พอดีจึงเจอยาในกระเป๋า
ซึ่งเป็นตำรวจชุดเดิมที่เคยจับเมื่อครั้งแรกประมาณปี 2558 ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดโทษเหลือ 1 ปี 9 เดือน พอครบกำหนดถูกปล่อยตัวออกมา ก็ทำงานหนักเหมือนเดิมจึงกลับไปพึ่งยาอีกแต่รอบนี้โดนหนักกว่าเดิมคือโดนเพิ่มโทษอีกครึ่งนึงเป็น 3 ปี 9 เดือน และเขาไม่ได้ถูกลดโทษเพราะเป็นคดีซ้ำซาก
“ตอนนี้แฟนติดมาแล้วประมาณ 8 เดือน พี่ไปเยี่ยมเดือนละครั้ง บางเดือนก็ 2 ครั้ง ระหว่างบ้านกับเรือนจำกลางนครสวรรค์ห่างกันประมาณ 60 กิโลเมตร จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อครั้งไป-กลับประมาณ 100 บาท แต่ก็เตรียมไปให้แฟนด้วยประมาณ 500 ต่อครั้งที่ไปเยี่ยม ก็จะมีซื้อของเข้าไปฝากแฟนด้วย ทุกครั้งที่เจอกันก็จะคุยกันเรื่องทั่วไป เรื่องงานที่เราทำเป็นอย่างไร สบายดีไหม เราก็เล่าให้เขาฟังก็ทำให้เขาผ่อนคลายได้
ซึ่งครั้งแรกที่แฟนถูกจับพี่ร้องไห้ตลอด 3 เดือนเพราะทำใจไม่ได้ แต่เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันเยี่ยมญาติเค้าปล่อยให้เยี่ยมใกล้ชิด เพราะเป็นกิจกรรมเฉพาะของเรือนจำสำหรับนักโทษที่ไปแข่งเดินสวนสนาม ก็ทำให้เราร้องไห้เพราะเหมือนเราห่างกันนานเกินไปแล้วพอเจอก็คิดถึงเลยร้องไห้ออกมาไม่รู้ตัว ซึ่งจะพิเศษกว่าทุกวันเพราะผู้คุมจะปล่อยให้ญาติเยี่ยมได้นานกว่าปกติถึง 2 ชั่วโมง” คุณแอน กล่าว
นางกฤษณา กล่าวต่อไปว่า รู้จักเพจ “นานเท่าไรก็รอ (เมียนช.)” ได้เพราะเพจมันเด้งขึ้นมาที่หน้าเฟสบุ๊คเลยลองขอเข้ากลุ่ม ก็รู้จักและมีเพื่อนในกลุ่มนี้แล้วประมาณ 5 คน บางคนในกลุ่มก็โพสต์เรื่องราวระหว่างที่ไปเยี่ยมเจอกันเป็นอย่างไร และก็จะมีการให้กำลังใจกันในเพจ แฟนของลูกเพจบางคนต้องโทษมากกว่าแฟนเราก็มี เราก็จะเป็นกำลังใจให้กันเพราะเราเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันทำให้เราเข้าใจกันเองมากกว่าคนข้างนอกที่คอยแต่ซ้ำเติม
“บางคนในเพจรอคนข้างในมานานกว่าเราตั้ง 5 ปีแต่เราแค่ 3 ปีทำไมจะรอไม่ได้ เพราะแฟนดีทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องความรับผิดชอบ ขยันทำงานรักครอบครัวแต่ผิดแค่เรื่องเดียวคือ “เสพยา” ไม่ใช่แค่คนในกลุ่มเข้าใจเรา แต่เราก็เข้าใจเพื่อนในเพจด้วย”
นอกจากนี้ คุณแอน ยังอยากฝากบอกคนข้างนอกว่า “คนข้างในก็ลำบากพอแล้วฉะนั้นอย่าเอาเรื่องข้างนอกที่ไม่ดีไปบอกเขา ควรสร้างเสียงหัวเราะสร้างความทรงจำดีๆเพื่อให้เค้าไม่ต้องคิดมาก เพราะข้างในไม่ได้อยู่สบายเหมือนข้างนอกคือเค้าอาจจะสบายใจแต่ไม่สบายกาย ควรให้กำลังใจเค้ามากกว่าเอาเรื่องหนักใจไปให้และกำลังใจที่ดีที่สุดคือการเขียนจดหมาย ซึ่งพี่จะเขียน 2 อาทิตย์ครั้งนึงแต่มันช้ากว่าจะถึงกันไม่เหมือนกับการติดต่อขอเยี่ยมเลย โดยแต่ครั้งที่ติดต่อเยี่ยมจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อครั้ง และอยากบอกคนข้างในหลังกำแพงสูงว่า “สู้สู้” ไม่ต้องคิดมากว่าคนข้างนอกจะเป็นยังไง ให้นึกถึงครอบครัวมากๆเพราะครอบครัวอยู่กับเค้ามากที่สุด และอยากบอกแฟนที่อยู่ข้างในว่ายังรักและซื่อสัตย์เหมือนเดิมทำตัวให้ดีๆเชื่อฟังผู้คุ้มจะได้ออกมาหาครอบครัวเร็วๆ
“คุก” สถานที่ที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เราได้กระทำอยู่จะถูก “เปิดโปรง” เมื่อไร ก่อนทำควรคิดถึงครอบครัวให้มากๆ เพราะข้างในไม่ได้สวยหรูแบบที่ทุกคนคิด อย่าลืมว่าคุก “เข้าง่าย-ออกยาก” ถ้าเข้าไปแล้วอิสระจะถูกจำกัดอยู่ในกฎระเบียบ และเมื่อถึงเวลานั้นคนที่เสียใจที่สุดคือครอบครัว ดังนั้นคนที่กำลังทำผิดหรือคนที่คิดจะทำ ไตร่ตรองสักนิดเพราะถ้าหากถูกจับแล้วเวลามันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สายสังคมพร้อมให้อภัยพวกคุณทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี