สวัสดีประเทศไทย... ตอนนี้เราอยู่ที่ประเทศรัสเซีย กว่าจะมาถึงก็ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา กว่าจะผ่าน ตม.รัสเซียออกมาก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เวลาที่นี่ห่างจากไทยประมาณ 4 ชั่วโมง มาถึงที่รัสเซียก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงคืนของที่นี่แล้ว ป่านนี้คนที่ไทยก็คงยังนอนหลับกันอยู่
การมาเที่ยวรัสเซียครั้งนี้ เรามากับทัวร์ เลยไม่ได้ทำการบ้านอะไรมามาก โปรแกรมพาไปไหนก็ไปตามนั้น โดยมีไกด์ใจดีที่หน้าตาดูมีอายุมากกว่าเราแต่ดันเรียกเราว่าพี่ซะงั้น ไม่รู้ว่าเป็นการให้เกียรติหรือหน้าเราแก่ แต่การมากับไกด์ก็มีข้อดีคือ มีคนคอยให้เกร็ดความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีสังเกตตัวอักษรรัสเซีย เช่น คำว่า супермаркет (supermarket) หมายถึง "ห้างสรรพสินค้า" โดยตัว C ในภาษารัสเซีย คือ ตัว S ในภาษาอังกฤษ y คือตัว U ส่วนตัว п คล้ายกับตัว ก.ไก่ในภาษาไทย แต่จะเหมือนตัว P ในภาษาอังกฤษ เป็นต้น
การมากับทัวร์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ส่วนใหญ่จะเดินทางโดยรถบัส ทำให้เห็นวิวข้างทางชัดเจนขึ้นเพราะเป็นมุมสูง ทำให้เห็นวิวตึก วิวเมือง วิวธรรมชาติข้างทางชัดเจนขึ้น ข้อเสียของการมากับทัวร์ คือ จะไปไหนมาไหนต้องรวดเร็ว บางครั้งยังไม่ทันได้แอ็คท่าถ่ายรูปเลย เสียงเรียกขึ้นรถก็ดังขึ้นมาเสียแล้ว
สถานที่แห่งแรกของทริป คือ "เมืองซากร์อส" ไกด์บอกว่าเป็นเก่าที่คล้ายๆ อยุธยาบ้านเรา ที่นี่ห้ามถ่ายรูปนักบุญ ซึ่งเราได้ทราบจากไกด์ภายหลังว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของรัสเซีย และเป็นวิทยาลัยสงฆ์ ก่อนหน้านี้เมืองซากอร์ส มีชื่อเดิมว่า Sergiev Posad โดยตั้งชื่อตามนักบุญ Sergiev หรือ Sergius ที่เป็นผู้ก่อตั้งเมืองนี้ เพราะเห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่สงบ จึงเลือกลงหลักปักฐานที่นี่ และท่านได้บำเพ็ญเพียรด้วยญาณสมาธิ จนรักษาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยจนหาย และเหล่าทหารที่จะไปออกรบก็มาขอพรจากท่านก่อนออกรบ ทำให้ได้ชัยชนะกลับมา ท่านจึงเป็นที่เคารพและศรัทธาของประชาชนจำนวนมาก และตั้งชื่อเมืองนี้ตามชื่อของนักบุญท่านนี้
โรงแรม Izmailovo Delta Hotel ที่ทางทัวร์จัดให้เราพักวิวสวยและทำเลดี อยู่ห่างจากตลาด Izmailovsky เพียงห้านาทีเท่านั้น แต่อาหารที่จัดให้ส่วนใหญ่บางมื้อก็เป็นอาหารรัสเซียหรืออาหารยูเครน บางมื้อก็เป็นอาหารจีน แปลกดีเหมือนกันนะ มารัสเซียทั้งทีได้กินอาหารจีนเฉยเลย
ส่วนเรื่องรสชาติอาหารที่นี่ก็ใช่ว่าจะแย่ หลายๆ มื้อถูกปากเรามาก มีอาหารที่เราไม่เคยได้ชิม เช่น ซุปบีทรูท โยเกิร์ตรัสเซียที่รสชาติแปลกจากที่เคยกินที่ไทย แถมบางมื้อก็ได้รับความเอาใจใส่จากทัวร์อย่างมาก ไกด์พกน้ำจิ้มแจ่ว น้ำพริกกุ้งเสียบ ซอสแม็กกี้มาให้ด้วย สงสัยจะกลัวอาหารไม่ถูกปากคนไทย
วันที่ 2-3 เรายังคงอยู่ในตัวเมืองมอสโค โดยวันที่สองได้มีโอกาสนั่งรถไฟใต้ดิน เพื่อเดินทางไปชมพระราชวังเครมลิน สถานีรถไฟที่นี่ก็สวยแล้วก็อลังการอย่างที่เคยอ่านรีวิวมาจริงๆ แต่ละสถานีก็จะมีเรื่องราวการบอกเล่าที่แตกต่างกันออกไป เช่น สถานีรถไฟ โปรชิท รีวาลูซี่ (Ploshchad Revolusii) จะมีรูปปั้นหมา ไก่ ที่สถานี เพราะเขาเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี คนเดินผ่านไปมาก็ลูบจมูกหมาจนเงาวับ พร้อมกับถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จากที่สังเกตผู้คนที่นี่ก็เดินเร็วกันมาก และไกด์เองก็พาเราพุ่งตรงไปยังสถานีต่างด้วยความรวดเร็วเช่นกัน บางครั้งเราก็อยากจะดื้อ ขอเดินช้าๆท่ามกลางความวุ่ยวาย และอยากบอกไกด์ว่า ขอเดินช้าๆได้ไหม เพราะอยากสัมผัสกับบรรยากาศ แต่ในที่สุดไกด์ก็พาพุ่งตรงมายังพระราชวังเครมลิน
เครมลิน มีความหมายว่าป้อมปราการ ภายในพระราชวังเลยประกอบไปด้วย พระราชวัง วิหารสำคัญๆ และที่ทำการของรัฐบาล ไกด์บอกว่าวันนี้ "ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน" มาทำงานด้วย ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีธงปักอยู่ หลังจากนั้นเราก็เดินฝ่าฝูงชนเพื่อเดินออกมาจากกำแพงเครมลิน ด้านหน้า คือ ห้างสรรพสินค้ากุม ซึ่งเป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงมอสโค และเป็นสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมืองนี้ บริเวณนี้ห้างรอบบอกเรียกว่าจัตุรัสแดง ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งในสัญลักษณ์ของรัสเซีย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอีวานที่ 3 เพื่อเป็นสถานที่จัดงานแสดงใหญ่ๆ และการชุมนุมต่างๆ
ตอนเรามาที่นี่ฝนตกเกือบทั้งวัน เราว่าโชคดีที่ฝนตก เพราะทำให้ได้มีโอกาสแวะเข้าไปหลบฝนในห้างบ้าง กระโจมแถวนั้นบ้าง ทำให้ได้พบกับรอยยิ้มที่ส่งมาพร้อมเสียงเพลงของกลุ่มนักแสดงที่โชว์การแสดงร้องเล่นเต้นรำการแสดงพื้นเมือง ทำให้ใจชื้นขึ้นมาเหมือนกับไอฝนกระเด็นเข้ามาในใจ รอยยิ้มแบบนี้น่าจะเป็นของหายากอย่างหนึ่งในรัสเซีย
ก่อนเดินทางกลับในวันสุดท้าย แน่นอนว่าต้องมีการแวะชอปปิ้งเพื่อซื้อของฝาก ไกด์พาไปที่ถนนอารบัต (Arbat) ซึ่งมีของฝากน่ารักๆเต็มไปหมด แต่ว่าเมื่อวานได้ช็อกโกแล็ตมาเป็นอย่างแรก เพราะพ่อค้าหน้าหล่อคนหนึ่ง เลยเออออเผลอซื้อไปตามความหล่อ ของฝากที่ซื้อยังมีตุ๊กตาแม่ลูกดกขึ้นชื่อของรัสเซีย ซึ่งมีแบบให้ระบายสีเองด้วย พอซื้อของเสร็จแล้ว ระหว่างก็มีแวะชมมหาวิทยาลัยมอสโค ตรงข้ามเป็นจุดชมวิวเนินเขานกกระจอก (Sparrow Hills) แต่นักท่องเที่ยวทั้งหลายคะ ระวังตัวกันดีๆนะ อย่าได้หยิบกล้องมาถ่ายนกเชียว ระวังจะโดนหลอกเก็บเงินค่าถ่ายนกโดยไม่รู้ตัวแบบเรา
สถานที่สุดท้ายของทริป คือ "พระราชวังไม้" ซึ่งไกด์บอกว่าเป็นปราสาทไม้แห่งเดียวในมอสโค และเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปนี้
เราเดินทางไกลออกมาเรื่อยๆ เพื่อมุ่งตรงไปยังสนามบินในวันสุดท้ายของทริป สำหรับประเทศรัสเซีย ประเทศที่ใครๆ เขาบอกกันว่าผู้คนเมืองนี้อาจจะยิ้มยากสักหน่อย ซึ่งเราว่าก็คงจะจริง หากเปรียบรัสเซียเป็นผู้ชาย ก็คงเป็นผู้ชายที่ดูสุขุม น่าค้นหา แต่เมื่อยิ่งค้นหากลับพบความเย็นชา แต่ภายใต้ความเย็นชานั้นกลับมีความอบอุ่นที่พอให้ได้สัมผัสอยู่บ้าง ซึ่งเราได้พบความอบอุ่นนั้นจากรอยยิ้มของบุคคลบางกลุ่มที่ทำให้เรากล้าที่จะมอบรอยยิ้มตอบกลับไป
แล้วจะกลับมาเยือนใหม่นะรัสเซีย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี