ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่คนไทยได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำใจให้ยอมรับ นี่ก็ครบรอบ 3 ปีแล้วแต่ชาวไทยยังตราตรึงจดจำเรื่องราวของพระองค์มิเคยลืม
โดยเฉพาะโครงการพระราชดำริต่างๆ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลจึงเกิดโครงการต่างๆมากมาย กว่า 5 พันโครงการ โดยแต่ละโครงการจะแตกต่างกันไปตามลักษณะและวัตถุประสงค์ของโครงการนั้นๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาด้านการทำมาหากินของประชาชนเป็นสำคัญ เพราะคนไทยดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการทำ "เกษตรกรรม"
ที่ใดแล้ง ที่ใดร้อน ธ ทรงผ่อนแล้งร้อนคลาย
ธ ทรงเป็นประดุจสายธารธาราพาชุ่มเย็น
รอยพระบาทที่ดำเนินคือรอยเดินดับทุกข์เข็ญ
ปวงไทยอยู่ร่มเย็น ด้วยทรงเป็นพระทรงธรรม
ณ ที่ซึ่งแห้งแล้งกันดาร ที่ที่แทบจะไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เมื่อความเดือดร้อนของพสกนิกรได้ทราบไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินไปทรงดับความทุกข์ความร้อนให้กับพสกนิกรของพระองค์
โดยพระราชทานศาสตร์พระราชาให้ชาวบ้านเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา เพราะทรงตระหนักดีว่าปัญหาทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ แต่ใครจะเชื่อว่าที่ดินที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารสารพัดชนิด และขาดแคลนน้ำอย่างหนัก
อย่าง "โครงการชั่งหัวมัน" ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยปลายปี 2551 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงซื้อที่ดินจากราษฎร จำนวน 250 ไร่ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เอง เพื่อที่จะทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม 2562 ได้รวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงมาปลูกไว้ที่นี่
โดยจุดเริ่มต้นของโครงการแรกเริ่มที่ดินบริเวณดังกล่าว "แห้งแล้ง" มีดินปนทรายและหินลูกลัง เสื่อมโทรมและกันดาร เพาะปลูกไม่ได้ผล เจ้าของเดิมปลูกยูคาลิปตัสไว้ตัดขาย พื้นที่นี้แต่ก่อนไม่มีแหล่งน้ำมีแต่เพียงอ่างเก็บน้ำที่ห่างออกไป 7 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งการฟื้นฟูและพัฒนาที่ดินระยะแรกได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวบ้านในพื้นที่
ต่อมาเมื่อสาธารณูปโภคและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรเริ่มเข้ามาถึง ชาวบ้านในพื้นที่ที่เคยละทิ้งบ้านเกิดไปทำงานในเมืองได้หันกลับมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมอีกครั้ง ทำให้โครงการและหมู่บ้านใกล้เคียงมีความเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ "ชื่อโครงการ" นั้นได้มาเพราะหัวมันเทศที่ชาวบ้านนำมาทูลเกล้าฯถวาย พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนำไปวางไว้ "บนตาชั่ง" ในห้องทรงงานบนพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล เพื่อเป็นคติเตือนใจ "ชั่งหัวมัน" เมื่อหัวมันเทศวางอยู่นานวันเข้าก็เริ่มแตกใบ มีต้นงอกออกมา จึงทรงเอาต้นมันนั้นไปเพาะเลี้ยงไว้ใน "เรือนเพาะชำ" แล้วนำมันเทศหัวใหม่มาวางไว้บนตาชั่นแทน
พระองค์ทำเช่นนี้เรื่อยไปทำให้ในเรือนเพาะชำมีแต่ต้นมันเทศ จึงมีพระราชดำริว่า... "หัวมันเทศวางไว้บนตาชั่งไม่มีดินและน้ำยังงอกได้ ที่ดินแปลงนี้ก็น่าจะปลูกมันเทศได้ จึงพระราชทานต้นมันเทศจากเรือนเพาะชำมาปลูกไว้ที่นี่ และพระราชทานชื่อโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ"
กระทั่งปัจจุบันโครงการชั่งหัวมันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี ที่มีทั้งแปลงสาธิตและการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ นอกจากนี้ภายในโครงการดังกล่าวยังมีกิจกรรมต่างๆที่ให้ความรู้แก่ผู้มาเยือนอีกด้วย เช่น การใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานทดแทน การผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ , การสาธิตการปลูกสบู่ดำ ,การปลูกข้าวสายพันธุ์ต่างๆ ,แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง ,แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง
การทำปุ๋ยหมัก ,การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย อ้อย มะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวห้าว ฯลฯ และการปลูกพืชผัก ประกอบด้วย มันเทศ กระเพรา โหระพา พริกพันธุ์ซูปเปอร์ฮอต มะเขือเทศราชินี กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครส มะระขี้นก ผักหวานบ้าน ฯลฯ
สำหรับผลผลิตในโครงการฯ ผักและผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ จากโครงการมีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวโดยการล้างทำความสะอาด คัดเกรด ตัดแต่ง และบรรจุภาชนะ พร้อมนำไปจำหน่ายในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ กองงานส่วนพระองค์ (ห้องเครื่องวังไกลกังวล และสวนจิตรดา) ,ร้านโกลเด้นเพลสทั้ง 5 สาขา ,ตลาดกลางการเกษตรหนองบ้วย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
โครงการชั่งหัวมันไม่เพียงแต่เป็นศูนย์การเรียนรู้เท่านั้น เพราะผู้มาเยือนจะพุ่งไปที่ "บ้านของพ่อ" ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ เพราะบ้านพักส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีลักษณะเป็น "เรือนไม้ 2 ชั้น" ออกแบบเรียบง่าย ด้านล่างเป็นโถงโล่งใช้จอดรถยนต์ที่ใช้ทรงงาน
การเดินทางไปโครงการชั่งหัวมัน จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางถนนพระราม 2 ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร, จังหวัดสมุทรสงคราม ถึงสามแยกวังมะนาว เลี้ยวซ้ายเข้าเขตจังหวัด.เพชรบุรี
ถ้ามาจากตัวเมืองเพชรบุรี 60 กิโลเมตร เข้าออกได้หลายทาง จากทางแยกวัดเขาบันไดอิฐ, ทางอำเภอท่ายาง, จากชะอำ สายบายพาส
เวลาให้บริการ โครงการชั่งหัวมัน
เปิดให้ชมตั้งแต่ 09.00 น. ถึง 16.30 น. ในโครงการฯ จะมีรถนำชมและมัคคุเทศก์ประจำรถ
ขณะที่ค่าบริการเข้าชม โครงการชั่งหัวมัน สำหรับผู้ใหญ่ ( อายุ 15 ปีขึ้นไป ) ท่านละ 20 บาท
เด็ก นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในเครื่องแบบคนละ 10 บาท
ส่วน พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี นักบวช ผู้พิการ และเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ได้รับการยกเว้นค่าบริการ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โครงการชั่งหัวมัน โทร.0-3247-2700-
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี