วันที่ 21 ตุลาคม 2562 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องราวการทำงานในวุฒิสภา มุมมองการทำงานและบทบาทในฐานะสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะทิศทางการทำงานหลังจากถูกมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
นายสุวพันธุ์ บอกว่า คำถามแรกที่ใครๆ ชอบถามก็คือจากการเป็นรัฐมนตรีมาเกือบ 5 ปีแล้วมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา การทำงานแตกต่างกันอย่างไร งานเบาลง เวลาว่างมากขึ้น หรืออย่างไร ซึ่งก็ขอไขข้อข้องใจนี้ว่า ลักษณะงานน่ะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากที่เราเคยเป็นผู้ปฏิบัติ ผู้สั่งการ มาเป็นผู้ศึกษา ติดตาม ค้นหา สืบค้น ให้ข้อพิจารณา ข้อเสนอแนะ ก็ต้องปรับตัว เข้าใจบทบาทวุฒิสภาตามหน้าที่และอำนาจในรัฐธรรมนูญ
ที่สำคัญคืองานในวุฒิสภากว้างขวางมาก ต้องเรียนรู้เข้าใจปัญหาหลากหลาย อ่านหนังสืออ่านเอกสารจำนวนมากไม่เช่นนั้นจะไม่รู้ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ต้องกลับมารื้อฟื้นรายละเอียดของแผนปฏิรูปด้านต่างๆ ที่เราไม่ได้ทำโดยตรงตอนเป็นรัฐมนตรีมาเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อให้เราสามารถมีส่วนร่วมในการให้ข้อเสนอได้อย่างถูกต้อง ประสบการณ์ในรัฐบาลเกือบ 5 ปี กับบทบาทใหม่ในวุฒิสภาเกื้อหนุนต่อกันได้
"ถ้าเราตั้งใจนะว่าคิดและทำอะไรโดยมีประเทศชาติ ประชาชน และส่วนรวมเป็นศูนย์กลาง มันก็จะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น สมาชิกวุฒิสภาเราคุยกันเสมอเรื่องหน้าที่ บทบาท ระมัดระวังเรื่องการวางตัว การครองตน และจุดยืนที่มีต่อประเทศชาติ ซึ่งก็คือใช้หน้าที่และอำนาจที่เรามีทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน" นายสุวพันธุ์ กล่าว
นายสุวพันธุ์ บอกว่า เรื่องงานกับเวลาต้องใช้คำพูดว่า ใช้เวลาของตัวเองอยู่กับงานไม่น้อยกว่าตอนเป็นรัฐมนตรี เพียงแต่คนละมุมกัน อาจไม่ต้องมาทำงานที่สำนักงานหรือกระทรวงทุกวัน แต่มีงานให้ทำให้อ่านที่บ้านทุกวัน มีงานประชุมเกือบทุกวันแม้จะปิดสมัยประชุม มีงานลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเกือบทุกสัปดาห์ งานแบบนี้ต้องเตรียมตัว เตรียมความรู้ ตลอดเวลา ความรับผิดชอบเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเรา ทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีเจตนาที่ดีต่อบ้านเมือง ซื่อสัตย์ต่อตนเองและส่วนรวม เป็นสรุปตอนท้ายของนายสุวพันธุ์
"มาถึงอีกเรื่องสำคัญเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2562 วุฒิสภามีมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวน 30 คน และคณะกรรมาธิการชุดนี้ก็เลือกนายสุวพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ความเป็นมาเป็นอย่างไร มีวัตถุประสงค์อะไร และจะมีแนวทางในการทำงานอย่างไรต่อไปในอนาคต" นายสุวพันธุ์ กล่าว
นายสุวพันธุ์ เล่าว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ถูกตั้งขึ้นตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2562 เป็นฉันทามติของสมาชิกวุฒิสภาที่สำนึกในความสำคัญยิ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชาติบ้านเมืองของเรา จึงกำหนดไว้ในข้อบังคับของวุฒิสภา ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นตามข้อเสนอหรือญัตติของสมาชิกท่านใด กรรมาธิการแต่ละท่านก็เป็นผู้แทนที่ถูกเลือกมาจากทุกคณะกรรมาธิการสามัญ รวมทั้งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกเข้ามาร่วมด้วย ผ่านการหารือกลั่นกรองมาจากสมาชิกวุฒิสภาจนนำมาสู่การมีมติเห็นชอบตั้งกรรมาธิการเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม
อย่างที่เรียนแล้ววุฒิสภาตระหนักถึงความสำคัญยิ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ กรรมาธิการทุกคนที่เป็นตัวแทนของวุฒิสภามาทำงานเรื่องนี้มีเป้าประสงค์เดียวกันคือ สืบสานรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงและดำรงอยู่กับชาติไทยตลอดไป ที่สำคัญเราไม่ได้ทำงานเพื่อวันนี้ แต่เราทำงานเพื่ออนาคตข้างหน้า เหมือนเช่นบรรพบุรุษของพวกเราที่คิดและทำตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงรัตนโกสินทร์ ชาติไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ของ เราจึงมีความเป็นมาและดำรงอยู่เหมือนเช่นทุกวันนี้ สิ่งนี้คือเจตนารมณ์แน่วแน่ของคณะกรรมาธิการชุดนี้
"เราได้ประชุมครั้งที่ 1 ไปแล้ว ได้คุยกันในเรื่องกรอบและแนวทางการทำงาน เราให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงสร้างสรรค์ การสร้างความตระหนักรู้ การสร้างความเข้าใจ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายการเมือง ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่ขณะเดียวกันมิติด้านการพิทักษ์และปกป้องด้วยวิธีการที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น อยากเรียนว่ากรรมาธิการทุกคนถือว่าเป็นเกียรติอันสูงยิ่ง จะทำงานนี้อย่างสุดความสามารถ" นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าว
**เปิดประวัติ "สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ"**
สำหรับ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2496 เป็นบุตรของพันเอก วิเวก ตันยุวรรธนะ กับนางพนิดา ตันยุวรรธนะ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนดรุณาราชบุรี จบชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้านครอบครัว สมรสกับนางรุ่งนภา ตันยุวรรธนะ (สกุลเดิม วงษ์ขันธ์) มีบุตร 2 คน
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เข้ารับราชการในสังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เคยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ และเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2552 อีกทั้งยังเคยเป็นคณะกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยังคงทำงานต่อเนื่องมาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา จนครบกำหนดเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นการดำรงตำแหน่งควบคู่ทั้งตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ และตำแหน่งทางการเมือง ต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่งหลังจากเคยดำรงตำแหน่งมาแล้วเมื่อเริ่มตั้งคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1
ต่อมาในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 นายสุวพันธ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อไปดำรงตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา โดยให้มีผลในวันรุ่งขึ้นคือในวันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี