เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลนาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม มีชาวบ้านหมู่ 7,8,10 และ 11 ต.นาราชควาย นำโดยนายชม แก้วบุดตา อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 142 หมู่ 10 ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าผืนสุดท้ายนาราชควาย ร่วมประชุมย่อยกับผู้แทนจากมหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) คือนายพงฬ์นธี มณีกุล ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มนพ. กรณีการขอใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ "หนองศาลาเหล่าหางกวาง" ซึ่งปัจจุบันเป็นป่าสีเขียวที่เหลือเพียงแห่งเดียวในตำบลนาราชควาย เนื้อที่ทั้งหมด 151 ไร่
สืบเนื่องจาก มนพ.เคยขอใช้พื้นที่ดังกล่าวจำนวน 96 ไร่ เพื่อสร้างศูนย์กีฬา มนพ.(NPU:Sport Complex) ซึ่งมีชาวบ้านยื่นหนังสือคัดค้านมาโดยตลอด เพราะพื้นที่ป่าแห่งนี้เป็นป่าต้นน้ำ ที่ไหลงลงสู่แหล่งน้ำผิวดิน "หนองฮี" ที่ใช้ผลิตน้ำประปาให้กับชาวบ้านหมู่ 8 บ้านเนินสะอาด ต.นาราชควาย และไหลลงสู่แม่น้ำโขงตามลำดับ ประกอบกับทาง มนพ. ยังไม่เคยศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กลับมีรายงานผลการดำเนินการ อ้างว่าพื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์หนองศาลาเหล่าหางกวางแห่งนี้เป็นป่าละเมาะ ซึ่งนายชม ยืนยันว่าช่วงเวลาดำเนินการ ไม่มีหน่วยงานใดเดินสำรวจสภาพที่แท้จริง ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ป่าฯ ได้เดินสำรวจต้นไม้ที่อยู่ในป่า ระหว่างวันที่ 25-31 พฤษภาคม 2562 พอสรุปได้ว่ามีต้นไม้ขนาดเส้นรอบวง มากกว่า 3 เมตรขึ้นไป จำนวน 4 ต้น วงรอบ 2 -2.90 เมตร 17 ต้น ขนาดรอบวง 1-1.90 เมตร มี 144 ต้น และต้นไม้ที่มีรอบวงต่ำกว่า 1 เมตร มีจำนวนมาก จึงไม่อาจนับจำนวนได้
ปรากฏว่าวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา มนพ.ได้วางศิลาฤกษ์การก่อสร้างสนามกีฬา Sport Complex ในเขตรั้วของ มนพ.บ้านเนินสะอาด เท่ากับว่า มนพ.ไม่ต้องการจะใช้พื้นที่ป่าสีเขียวแห่งนี้แล้ว ดังนั้น นายเอกราช มณีกรรณ์ นายอำเภอเมืองนครพนม จึงมีหนังสือสอบถามไปยัง มนพ. ว่าจะใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์นี้อีกหรือไม่ เพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างโครงการสนามกีฬาแล้ว ทาง มนพ.มีหนังสือตอบกลับมาว่ายังประสงค์ที่จะขอใช้พื้นที่ดังกล่าว โดยจะปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อำเภอเมืองนครพนมจึงออกหนังสือเชิญชาวบ้าน ต.นาราชควาย หมู่ 7,8,10 และ 11 เข้าร่วมตรวจสอบการขอใช้พื้นที่
นายชม แก้วบุดตา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีโครงการก่อสร้างสนามกีฬาสปอร์ตคอมเพล็กซ์ กลุ่มชาวบ้านที่หวงแหนป่าต่างออกมาคัดค้าน แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่ชาวบ้านกลุ่มรักและหวงแหนป่าผืนสุดท้ายของชุมชน เพราะผู้นำท้องถิ่นจะไม่ฟังเสียงคัดค้าน ขณะที่ตัวแทนฝ่ายปกครองก็พูดจาเหน็บแนมตนว่า น่าจะเท้าความประวัติศาสตร์ไปยุคกรุงศรีอยุธยาเลย
นายชม กล่าวต่อว่าเมื่อ มนพ.ไปสร้างสนามกีฬาในสถานที่ใหม่แล้ว ก็ไม่ควรจะเข้ามาในพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ ยังมาอ้างจะสร้างสถานปฏิบัติธรรม โดยขอใช้พื้นที่จำนวน 45 ไร่ ทั้งที่บริเวณด้านทิศเหนือของมหาวิทยาลัย ก็มีสำนักสงฆ์อยู่ก่อนแล้ว และการปฏิบัติธรรมก็ไม่จำเป็นต้องตัดไม้ทำลายป่า จึงขอคัดค้านการเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะของมหาวิทยาลัยนครพนม และที่ผ่านมาการทำประชาคมจำนวน 2 ครั้ง ก็บิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น การนำเอาประชากรนอกเขตพื้นที่มาร่วมประชาคมด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบว่าเป็นชาวบ้านนอกหมู่บ้านไม่มีส่วนได้เสีย หรือการประชาคมครั้งที่ 2 ก็ไม่มีการตั้งกรรมการจากชุมชนเข้าร่วม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี