เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ระบุเนื้อหาว่า ยาดอง
ผมและผองเพื่อนโตมากับบรรยากาศศาลายาดองที่นครศรีธรรมราช
เหล้าขาวบวกตัวยา จัดกับมะขามเปียก มะยม องุ่นลูกเล็ก ดองจิ้มพริกกะเกลือ แค่นี้ก็เหนือเหลือแล้ว
ม้ากระทืบโรง พญาเสือโคร่ง นารีรำพึง สาวสะดุ้ง โด่ไม่รู้ล้ม ฯลฯ แม้ชื่อแต่ละสูตรจะออกแนว 18+ แต่สรรพคุณไม่ใช่เฉพาะท่านชาย สุภาพสตรีก็ดื่มดี แก้ปวด แก้เมื่อย บำรุงเลือดลม ไปจนถึงแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ราคาอ่อนโยนสัมผัสได้ มีขายทั่วไปตามข้างทาง
สำหรับเราไม่ต้องการสรรพคุณทางยา แต่เน้นสรรพคุณทางเมา
ผู้สูงวัยกินเป็นเป๊ก เราว่ากันเป็นแบนครั้งละหลายแบน ถ้ากินบางสูตรแล้ว”โด่” พวกผมน่าจะเลยไปถึง “เร มี ฟา ซอล ... โด๊ ......!!!!!”
ยาดองเป็นผลิตผลของภูมิปัญญา สำหรับมืออาชีพ ตัวยา ส่วนผสม กระบวนการผลิตเป็นเรื่องต้องเรียนรู้ ถ่ายทอดกันรุ่นต่อรุ่นแบบของมีครู
มาเรียนกรุงเทพฯก็ยังโดนยาดองเป็นครั้งคราว และโดนต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราวตอนเรียนปี 4
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เวลานั้นกำลังสร้างอาคารใหม่อีกฝั่งถนนด้านหลังอาคารเดิม คนงานนับร้อย มีเพิงพักเป็นแนวยาว สร้างไปพักใหญ่ผมก็เจอสหายเก่า
ศาลายาดอง
เปิดเด่นเป็นสง่าหลังมหาวิทยาลัย นัยว่าธุรกิจนี้เน้นกลุ่มเป้าหมายคนงานก่อสร้าง แต่พวกเขารู้จักผมน้อยไป
เมียงมองอยู่ 4 - 5 วัน เย็นวันหนึ่งผมก็สืบเท้าเข้าหา สั่งพญาเสือโคร่ง 2 เป๊ก กระดกรวดเดียวเคี้ยวมะยมดองตาม แล้วขึ้นรถเมล์กลับบ้าน
รุ่งขึ้นก็เอ่ยปากชวนเพื่อนนิเทศน์ศาสตร์
“มึงจะไปนั่งกินยาดองอยู่ได้ไง นักศึกษาเดินผ่านไปผ่านมา อายเขาตายห่า” เพื่อนๆมันว่า
“มึงอย่าไปเรียกว่าร้านยาดองสิ ใครถามก็เรียกให้มันทันสมัย” ผมเสนอทางออก
“เรียกยังไงวะ ? “
“ดอง ฟาร์มาซี” ผมฟันธง
เรานิเทศน์ศาสตร์ สื่อสารมวลชน ปี 4 จึงเป็นนักศึกษากลุ่มแรกที่เปิดตัวเป็นลูกค้า”ดอง ฟาร์มาซี” เลิกเรียนนั่งดวดกันหน้าดำหน้าแดง
แล้วก็มีนักศึกษากลุ่มอื่นๆตามมา จากที่โล่งมียาดองเจ้าเดียว กลายเป็นชุมชนอาหารริมทาง ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว และคณะ
ถึงวันนี้ใจหาย เพราะเห็นข่าวเขาห้ามเปิดร้านยาดอง (ถึงจะเรียก ดอง ฟาร์มาซี ก็เถอะ) เหตุผลคือมีคนทำสูตรพิเรนทร์ เช่น ผสมคางคก ดื่มแล้วบาดเจ็บล้มตายไปหลายราย และร้านยาดองไม่มีกฎหมายรองรับ
ใครทำขายจับปรับสูงสุด 50,000 บาท ถ้าทำดื่มเองที่บ้านไม่เป็นไร
แม้จะห่างหายจากการดื่มยาดองมานาน แต่ในฐานะเพื่อนเก่า เศร้าใจที่จะไม่เจอร้านยาดองตามริมทางอีก คบหากันมาขนาดนี้คงอดคิดถึงกันไม่ได้
ใครนะมันทะลึ่ง เอาของมีพิษไปใส่จนเกิดปัญหา เสียสถาบันยาดองหมด
กระท่อมก็ทีนึงแล้ว ผมเห็นเขาเคี้ยว กลืน น้ำตาม กันตั้งแต่จำความได้ คนกินกระท่อมไม่เคยเมาระรานสร้างปัญหาให้ใคร แต่เดี๋ยวนี้บางคนเอาไปต้ม ใส่โน่นนั่นนี่เป็น 4 คูณ 100 เสียสถาบันกระท่อมไปแล้วเหมือนกัน
เรื่องผิดกฎหมาย มีอันตราย ต้องจับต้องปรับก็ว่ากันไป แต่รัฐไทยจัดการเรื่องพวกนี้ได้ดีกว่านี้หรือไม่
ยาดองเป็นภูมิปัญญา เราพัฒนาเป็นสินค้าเครื่องดื่มพื้นเมืองทำรายได้เข้าประเทศได้ไหม จีนมีเหมาไถ รัสเซียมีวอดก้า เมกซิโกมีเตกิลา ใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างเรื่องราวความเป็นมา ขายกันเป็นเทน้ำเทท่า
ทำไมไทยจะมียาดองสูตรดีๆ บรรจุภัณฑ์ทันสมัย ของถิ่นไหนก็ให้เป็นเอกลักษณ์ถิ่นนั้นวางขายบ้างไม่ได้
ที่บอกว่าไม่มีกฎหมายรองรับก็ทำให้มันมี ไม่เห็นจะยาก นอกเสียจากไม่อยากทำ
ว่ามายืดยาวไม่ประสงค์ทะเลาะกับใคร แต่เสียใจแทนยาดอง
เอาของมีพิษไปใส่ผิดแน่ๆ แต่จะแก้ปัญหาง่ายๆโดยไม่ให้มีร้านขายยาดองผมว่าไม่ใช่
คิดทำให้ถูกต้องดีกว่า
จะเปลี่ยนชื่อเรียกจากร้านยาดองเป็น “ดอง ฟาร์มาซี” ก็ไม่ว่าอะไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี