สกสว.หนุนทีมวิจัยลงพื้นที่สำรวจเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เพื่อวางแผนอนุรักษ์และบำรุงรักษาโบราณสถานที่มีผลกระทบตามความสำคัญเร่งด่วน ทั้งเจดีย์เอียง ฐานทรุด และปัญหาการระบายน้ำทำให้น้ำท่วมขัง พร้อมทดสอบวัสดุเดิมและวัสดุทดแทนสำหรับการบูรณะ
คณะวิจัยชุดโครงการอนุรักษ์โครงสร้างโบราณสถานด้วยหลักวิศวกรรม (ระยะที่ 2) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำโดย รศ. ดร.นคร ภู่วโรดม จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงพื้นที่สำรวจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งเป็นมรดกโลกสำคัญของประเทศไทย
และประชุมร่วมกับนางธาดา สังข์ทอง ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ถึงปัญหาสำคัญและพื้นที่วิจัยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อให้คณะวิจัยเข้าไปสำรวจและวางแผนอนุรักษ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ
นางธาดา ระบุว่า จะต้องติดตามสำรวจโบราณสถานอันเป็นมรดกโลกและจัดทำแผนป้องกันการเสื่อมสภาพ เพื่อรายงานต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ทุก ๆ 4 ปี ในเบื้องต้นทางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีปัญหาเรื่องระบบน้ำและการระบายน้ำ รวมถึงการป้องกันตลิ่งและตระพังต่างๆ ซึ่งเกิดจากการออกแบบและขุดในระดับที่ลึกเกินไปทำให้เกิดการพังทลายในช่วงฤดูฝน
โดยการระบายน้ำในเขตโบราณสถานที่มีชาวบ้านครอบครองอยู่อาศัยได้มีการถมดินทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้และเกิดการท่วมขัง ซึ่งปัจจุบันพบว่าฐานของโบราณสถานอยู่ต่ำกว่าชั้นดิน ทั้งนี้ โบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้รับการบูรณะครั้งแรกในปี พ.ศ. 2496 โดยใช้ปูนซีเมนต์เป็นหลักและส่งผลกระทบต่อโบราณสถานในเวลาต่อมา จึงมีความพยายามที่จะสกัดปูนออกและแทนที่ด้วยปูนหมักเพื่อลดการใช้ซีเมนต์
“งานบูรณะส่วนใหญ่ของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเน้นที่การเสริมความมั่นคงเป็นหลัก มากกว่าการขุดค้นเพื่อเก็บข้อมูลทางวิชาการ แต่ปัญหาโครงสร้างต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้มีความจำเป็นต้องอาศัยหลักวิชาการด้านวิศวกรรมเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงการสำรวจใต้ดินว่ามีวัตถุโบราณล้ำค่าอีกหรือไม่ ซึ่งทางอุทยานฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับนักวิจัยอย่างเต็มที่เพราะมีประโยชน์ใหญ่หลวงกับอุทยานฯ”
สำหรับพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนคือ “วัดมหาธาตุ” ซึ่งเจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูมเริ่มเอียง แม้ที่ผ่านมาจะมีหลายหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาเก็บข้อมูลการเอียงของเจดีย์ แต่ก็ไม่ได้ส่งข้อมูลกลับมาให้ทางอุทยานฯ ทราบ เช่นเดียวกับ “วัดซ่อนข้าว” ซึ่งยอดเจดีย์ทรงดอกบัวตูมหัก ทางกรมศิลปากรพยายามสร้างใหม่ และส่วนฐานที่รับน้ำหนักไม่ไหวส่งผลให้เจดีย์ทรุดเอียง ทั้งยังอยู่ริมถนนทำให้มีแรงสั่นสะเทือนจากยานพาหนะต่างๆ เป็นปัจจัยเร่ง
รวมถึง “วัดพระพายหลวง” ที่มีปัญหามากมาหลายสมัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการบูรณะและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้ตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับแรงสั่นสะเทือนจากพลุที่จุดในช่วงเทศกาลลอยกระทงว่ามีผลกระทบต่อโบราณสถานหรือไม่ จึงอยากให้คณะวิจัยศึกษาข้อมูลและรายงานผลให้ทราบโดยเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ต่อโบราณสถานเป็นสำคัญ เพราะหากมีผลกระทบจริงจะนำไปหารือกับทางจังหวัดสุโขทัยต่อไป
ด้านคณะวิจัยได้ขอตัวอย่างวัสดุเดิมจากทางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เพื่อนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ ขณะเดียวกันก็จะหาวัสดุทดแทนมาทดสอบ เพื่อวางแผนเรื่องวัสดุที่จะใช้ในการบูรณะต่อไป ทั้งนี้วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้างโบราณสถาน ได้แก่ อิฐและศิลาแลง นอกจากนี้ยังมีหินชนวนซึ่งมักพบในโบราณสถานทางด้านทิศใต้ด้วย
รศ. ดร.นคร ภู่วโรดม ในฐานะหัวหน้าชุดโครงการวิจัย ระบุว่า โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวารเป็นผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมของไทยในยุคแรก แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและอารยธรรมที่รุ่งเรืองของประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่งานวิจัยเชิงวิศวกรรมยังปรากฏอยู่น้อยมาก
โครงการวิจัยจึงจะมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการศึกษาวิจัยให้เหมาะสมและได้ผลอย่างถูกต้องสำหรับงานด้านวิศวกรรม และนำองค์ความรู้ที่พัฒนาขึ้นไปประยุกต์ใช้กับการประเมินความมั่นคงของโครงสร้างโบราณสถาน ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลทางวิศวกรรม การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ และการวิเคราะห์โบราณสถานด้วยวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ เพื่อวางแผนอนุรักษ์และบำรุงรักษามรดกโลกของไทยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี