เมื่อร่างกายต้องการพลังในการขับเคลื่อนชีวิตประจำวันก็ถึงเวลาของการเดินทางอีกครั้ง โดยหมุดหมายในครั้งนี้ แนวหน้าพาเที่ยว ขอไปม่วนซื่นเยือนถิ่นอีสานใต้ กับทริปตามรอยของดีเลื่องชื่อเมืองไทยอย่าง ผ้าไหม สินค้าหัตถกรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่อัดแน่นไว้ด้วยอัตลักษณ์ ความสวยงามปราณีตเฉพาะตัว
เส้นทางสายไหมในทริปนี้เริ่มต้นกันที่ จังหวัดนครราชสีมา เรากันไปที่กลุ่มหัตถกรรมผ้าไหมบ้านดู่ อ.ปักธงชัย เพื่อชมความงามของผ้าไหมลายหางกระรอก โดยเราได้ไปเยี่ยมชมสัมผัสชมกันตั้งแต่วิธีการเลือกสรรไหมอย่างดีมานำมาทอเป็นผลิตภัณฑ์ โดยเลือกเป็นไหมพันธุ์ไทยที่ให้เส้นใยแข็งแรงและเงางามกว่าไหมจีน หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการนำไหมไปฟอกสีแล้วก็เข้าสู่กระบวนการย้อมสีธรรมชาติ อาทิ ตัวครั่ง+สารส้มให้สีชมพูหวาน ตัวครั่ง+หมักโคลนให้สีชมพูเข้มอมม่วง เปลือกเงาะ+หยวกกล้วย ให้สีกากี และจากวัตถุดิบทางธรรมชาติอื่นๆ ที่ให้สีสันงดงามต่างกันไป
เมื่อได้สีเส้นไหมตามที่ต้องการแล้วก็เข้าสู่กระบวนการทอด้วยกี่กระตุก ซึ่งจะให้ผ้าผืนที่มีเส้นเรียบเนียนและคงทนกว่าการทอธรรมดา ผสมผสานลวดลายหางกระรอก ซึ่งเป็นลายอัตลักษณ์ประจำถิ่นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษของชาวโคราช มีกรรมวิธีในการทอยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้ความละเอียดแม่นยำสูง ทั้งนี้ ลายผ้าที่เรียกว่าลายหางกระรอกนี้มาจากการนำไหมสองสีมาตีเกลียวสวยให้เป็นเส้นเดียวกัน อาจมีทั้งเกลียวถี่ เกลียวกลาง และเกลียวห่าง ขึ้นอยู่กับทักษะในการตีเกลียวของช่างทอ เมื่อนำมาใช้เป็นเส้นพุ่งทอขัดไปกับเส้นยืนจะได้ผืนผ้าที่มีลวดลายเหลือบสีบนผืนผ้า มองด้วยสายตาจะมีความคล้ายคลึงเส้นขนบนหางกระรอก
จังหวัดบุรีรัมย์
เช้าตรู่วันที่สองเรามุ่งหน้าเข้าสู่ จ.บุรีรัมย์ ปักหมุดเที่ยวชมสถานที่สำคัญประจำเมืองอย่าง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง โบราณสถานที่สร้างขึ้นจากศิลปะเขมรโบราณ ชมความสวยงามของตัวปราสาทและลวดลายสลักหินชิ้นทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์และศิวนาฏราชอันเลื่องชื่อ ถึงแม้วันที่ผู้เขียนไปเยือนนั้นมีสภาพอากาศหมอกหนาและมีอากาศหนาวเย็นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยว แต่กลับให้ความสวยงามแบบมีมนต์ขลังยิ่งวกว่าเดิม
จากนั้นเราก็เดินทางไปกันที่ บ้านเจริญสุข ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเยี่ยมชมกรรมวิธีการทอผ้าภูอัคนี ผ้าผืนสีน้ำตาลแดงสวยงามคล้ายกับสีของปราสาทพนมรุ้ง สินค้าขายดีประจำหมู่บ้านและของดีประจำจังหวัดสุรินทร์ โดยผ้าภูอัคนีมีประวัติว่าแม่ศรีได้ขึ้นไปเก็บเห็ดบนเขาพระอังคารซึ่งเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ทำให้ผ้าเปื้อนดินบริเวณนั้นกลับมาแล้วซักล้างออกยาก จึงคิดว่าน่าจะนำมาย้อมผ้าได้ ก่อนที่จะพัฒนามาย้อมกับเปลือกไม้ที่หาได้จากในชุมชน เช่น ประดู่ กระโดน มะพูด เป็นต้น จนได้สีสวยซักแล้วสีไม่ตกและมีการสืบทอดภูมิปัญญานี้ไปยังรุ่นต่อๆ ไป
สำหรับกระบวนวิธีการทำนั้นมีความคล้ายคลึงกับการทอแบบที่พบเห็นได้ทั่วไป จะแตกต่างกันในขั้นตอนการย้อมสีที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติ มีทั้งสีน้ำตาลแดงที่ได้จากดินภูเขาไฟ และสีฟ้าอ่อนที่ได้จากยูคาลิบตัส+หินบะซอลต์ ส่วนเคล็ดลับการให้สีสวยคือระยะเวลาในการแช่สียิ่งนานยิ่งให้สีเข้มมากขึ้น เมื่อได้สีที่ต้องการแล้วจากนั้นก็นำไปสู่ขั้นตอนการทอและตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม ส่วนใหญ่เป็นเสื้อ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่เท่านั้น เพราะชาวบ้านเจริญสุขมีความเชื่อว่าดินที่นำมาจากบริเวณเขาอังคารเป็นดินที่มาจากที่สูงจึงไม่ควรนำมาตัดเย็บเป็นกางเกง
นอกจากผ้าภูอัคนีแล้ว ชุมชนบ้านถาวร ตำบลถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมผู้ผลิตผ้าทอที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตผ้าทอที่ครบวงจร เริ่มตั้งแต่กลุ่มที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมไปจนถึงกลุ่มทอผ้า ทำให้เราได้เห็นทุกกระบวนการผลิตอย่างแท้จริง ซึ่งแต่ละวิธีนั้นล้วนเป็นวิธีโบราณทั้งสิ้นยังคงเอกลักษณ์ความสวยงามปราณีตไว้อย่างไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงเท่านี้ในชุมชนแห่งนี้ยังมีการการทำข้าวตอก ทอเสื่อกก ปลูกข้าวภูเขาไฟ ทำน้ำมันเบอร์รี่ เป็นของดีของชุมชนบ้านถาวรส่งขายสร้างรายได้อีกด้วย เรียกว่ามาที่เดียวก็สามารถช็อปของฝากกลับไปได้อย่างเต็มมือ
จังหวัดสุรินทร์
ทริปเส้นทางสายไหมได้เดินทางมาถึงจังหวัดที่สามเมืองสุรินทร์ถิ่นช้าง โดยวันนี้เราได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ เป็นสถานที่แรก เพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของเมือง ผู้คน และวัฒนธรรมของถิ่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ณ โซนให้ความรู้แบ่งออกเป็น 5 เรื่อง คือ 1.ธรรมชาติวิทยา บอกเล่าสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ลักษณะทางธรณีวิทยา รวมถึงเรื่องข้าวและการทำนาด้วย 2.โบราณคดี บอกเล่าประวัติศาสตร์โบราณคดีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุสมัยทวารวดี ขอม 3.ประวัติศาสตร์เมือง บอกเล่าประวัติศาสตร์จังหวัดสุรินทร์ทั้งการตั้งบ้านเมือง ระบบปกครอง ไปจนถึงเศรษฐกิจ สังคม ประชากร และการศึกษา 4.ชาติพันธุ์วิทยา บอกเล่าถึงประชากรในจังหวัดสุรินทร์ ที่ประกอบด้วยชนสี่กลุ่มใหญ่ คือ ชาวกูย ชาวเขมร ชาวลาวและชาวไทยโคราช มีหุ่นจำลองการประกอบพิธีกรรม และภาพวาดเกี่ยวกับขนบประเพณี 5.มรดกดีเด่นประจำจังหวัด บอกเล่าถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น อาทิ เครื่องเงิน การทอผ้า เครื่องดนตรี การเลี้ยงช้าง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินชมจนทั่วพิพิธภัณฑ์ งานได้ทั้งความเพลิดเพลินและความรู้กลับไปเต็มๆ
เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สุรินทร์กันจนได้รู้ความเป็นมาเป็นไปเบื้องต้นกันแล้ว เราก็ไปสัมผัสของจริงเรื่องผ้ากันที่ ร้านเอกอนันต์ไหมไทย ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง ศูนย์รวมผ้าทอผืนสวยนานาชนิด โดยที่นี่เป็นทั้งแหล่งจำหน่ายและยังเป็นแหล่งผลิตกระจายงานผ้าทอให้ตามชุมชนหรือผู้ที่ต้องการมีอาชีพทั่วจังหวัด ซึ่งทางร้านจะทำการขึ้นผ้ายืน ย้อมสี ออกแบบลายให้ชาวบ้านไปสานต่อจนกลายเป็นผ้าผืนงาม จากนั้นก็รับผ้าเหล่านั้นมาขายที่ร้าน และจะมีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยมารับไปขายต่ออีกด้วย ถือเป็นการสร้างอาชีพอย่างครบวงจร
โดยเจ้าของร้านเอกอนันต์ไหมไทยได้โชว์ผ้าผืนที่มีลายเป็นเอกลักษณ์ของสุรินทร์ให้ได้ชม 'ผ้าไหมมัดหมี่หน้านางลายลูกแก้วพญานาค' ผ้าผืนนี้มีลวดลายพญานาคสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของคนถิ่นนี้ พร้อมพาชมกระบวนการผลิตผ้ายืนด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ที่ให้ความรวดเร็วมีประสิทธิภาพด้วย
มาถึงแหล่งทอผ้าแหล่งสุดท้ายของทริปนี้ เราอยู่กันที่ร้านเรื่องไหม ต.ลำดวน อ.ลำดวน ผ้าไหมยกดอกมัดหมี่คือผ้าทอที่อยู่คู่กับชุมชนนี้มายาวนาน มีเอกลักษณ์ในการนำเรื่องราวจากสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมมาออกแบบให้เป็นลวดลายต่างๆ โดยผ้าผืนเด่นของที่นี่คือ ลายประดู่ทอง ออกแบบจากลายดอกพรรณไม้ประจำถิ่นของที่นี่ ลายปะกาทะนวง โดยมีผู้ออกแบบสืบสานเป็นคนรุ่นใหม่อย่างนางมนัฐกานต์ กงแก้ว ที่ได้เข้ามาทำงานด้านนี้อย่างจริงจังเมื่อปี 2557 ช่วยคิดค้นออกแบบลวดลายผ้า อาทิ 1.ปากาทะนวง 2.ลายดอกประดู่ 3.ลายเพรชสุรี มีลวดลายเหมือนเพชร เป็นลายไทยประยุกต์ร่วมสมัย 4.เพชรทาย ลวดลายเป็นหกเหลี่ยม ลายไทยประยุกต์ร่วมสมัย ซึ่งล้วนแต่นำสิ่งรอบตัวมาคิดต่อยอด รวมถึงการเข้ามาพัฒนาระบบการขายทำให้ร้านสามารถโกอินเตอร์ส่งผ้าไทยไปขายยังต่างประเทศได้
การตามรอยเส้นทางสายไหมถิ่นอีสานใต้ได้จบลงอย่างสวยงาม แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากอีกมากมายหลายถิ่นของดีเท่านั้น เส้นทางสายไหมเส้นต่อไปจะเดินทางไปที่ไหนต้องคอยติดตามกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี