วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 นายไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขียนบทความ “แผ่นดินไหวและเขื่อนไซยะบุรี” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว กล่าวถึงเหตุแผ่นดินไหวใน สปป.ลาว เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ว่าบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวใกล้กับที่ตั้งของเขื่อนไซยะบุรี จึงอยากทราบว่ามีแผนเผชิญเหตุสิ่งแวดล้อมฉุกเฉินหรือไม่และอย่างไร เพราะเกรงจะซ้ำรอยเหตุเขื่อนแตกใน สปป.ลาว เมื่อปี 2561 ที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก ดังนี้
“ตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในลาวหลายระลอก มี จุดศูนย์กลางใกล้เขื่อนไซยะบุรี เริ่มตั้งแต่ 04.03 น. ขนาด 5.9 หลังจากนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง เวลา 06.50 น. แผ่นดินไหวมีขนาด 6.4 ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.มีขนาด 3. เวลา 09.08 น. มีขนาด 2.8 และยังได้เกิดแผ่นไหวในส่วนของประเทศไทยที่จังหวัดน่านด้วย โดยยังไม่สามารถบอกได้ว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้จะเกิดขึ้นแบบไหน ระหว่างเกิดครั้งเดียวและเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาก่อนจะหยุด หรือจะเกิดเป็นชุดต่อเนื่องเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ขณะที่เริ่มมีรายงานความเสียหายเกิดขึ้นหลายพื้นที่”
“ประเด็นเขื่อนไซยะบุรีกับความเสี่ยงแผ่นดินไหวดูเหมือนว่ารับรู้ในวงแคบๆ เท่านั้น โดยรับรู้และห่วงกังวลในแวดวงของนักวิชาการด้านธรณีวิทยา ขณะที่ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่คนท้ายเขื่อนต้องรับรู้ด้วย ต่อไปนี้คือข้อมูลด้านธรณีวิทยาที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนไซยะบุรี เขื่อนไซยะบุรีเป็นเขื่อนที่สร้างบนรอยเลื่อนกลุ่มรอยเลื่อนไซยะบุรี ซึ่งกลุ่มรอยเลื่อนนี้อันตรายที่สุด เพราะเป็นกลุ่มรอยเลื่อนที่เชื่อมต่อกับรอยเลื่อนเดียนเบียนฟู และรอยเลื่อนแม่น้ำแดงที่เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในประเทศจีน”
“รอยเลื่อนแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับกลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิษถ์ในประเทศไทยที่นักธรณีวิทยาของไทยระบุว่า "ต้องจับตา" ที่ตั้งของเขื่อนไซยะบุรีตั้งบนรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังมีชีวิต(active fault) ดูได้จากแผนที่แสดงที่ตั้งของเขื่อนไซยะบุรีบนรอยเลื่อนของเปลือกโลก ขณะที่รอบๆ เขื่อนไซยะบุรี มีรอยเลื่อนที่ยัง active ในรัศมี 200 กม. สำหรับประวัติแผ่นดินไหวที่ไซยะบุรีก็คือ ในปี 2011 ขนาด 5.4 , 4.6 และ 3.9 (ขนาด 3.9 ห่างจากตัวเขื่อน 60 กม.) ในปี 2007 เกิดแผ่นดินไหวที่เขตไซยะบุรีขนาด 6.7”
“เมื่อตอนเริ่มสร้างเขื่อน ดร.ปัญญา จารุศิริ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเตือน โอกาสร้อยละ 30 ที่จะเกิดแผ่นดินไหวระดับกลาง และร้อยละ 10 มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 7 และไม่ควรเริ่มสร้างเขื่อนไซยะบุรี ในขณะนี้ นอกจากเขื่อนไซยะบุรีจะทำให้ระบบนิเวศน์แม่น้ำโขงพังพินาศดังที่กำลังเกิดขึ้นและต้องรับผิอบแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่เขื่อนแห่งนี้ต้องมีคือแผนเผชิญเหตุสิ่งแวดล้อมฉุกเฉิน (Environmental Emergency Response Plan) เพราะแผ่นดินไหวครั้งนี้ยืนยันว่าเขื่อนแห่งนี้ไม่ได้มีความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว ขณะที่เราไม่รู้ข้อมูลเลยว่าเขื่อนแห่งนี้ได้ออกแบบเพื่อต้านทานแผ่นดินไหวได้เท่าไหร่”
“แผน EERP นับว่าสำคัญมาก ลองนึกถึงเขื่อนกั้นหุบเขา D ของเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยแตกครับ เขื่อนแห่งนี้แตกในขณะที่ไม่มีแผน EERP และทำให้ชาวบ้านจำนวนมากท้ายเขื่อนต้องเสียชีวิต และเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จากเขื่อนในภูมิภาคนี้ คำถามก็คือ เขื่อนไซยะบุรีได้ออกแบบให้เขื่อนต้านทานแผ่นดินไหวอย่างไร และเขื่อนมีแผน EERP หรือไม่ และถ้ามีช่วยเอามาเผยแพร่ให้คนท้ายเขื่อนตลอดลำน้ำโขงรับรู้ด้วยครับ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นคนท้ายเขื่อนคือคนที่จะรับกรรม ไม่ใช่นักสร้างเขื่อน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี