“ตอนนั้นในชุมชนมีทรัพยากรใบจากเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านต้องการนำใบจากมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เพราะในปัจจุบันมีเพียงการนำใบจากมาทำเป็นใบยาสูบ แต่เนื่องจากในชุมชนแห่งนี้ไม่เคยทำมาก่อน ทีมวิจัยจึงเสนอแนวทางการนำใบจากมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ จนได้ข้อสรุปว่าจะทำภาชนะบรรจุอาหารเพื่อการบริโภคที่สามารถใช้งานได้จริง ปลอดภัย และตรงกับความต้องการของตลาด”
เรื่องเล่าจาก ผศ.ดร.ชาตรี หอมเขียว อาจารย์สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชมงคลศรีวิชัย ซึ่งทำวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาฐานอาชีพของชุมชนในรูปแบบการแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก” ภายใต้โครงการวิจัยการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนลุ่มน้ำปะเหลียน จ.ตรัง ระยะที่ 2 ซึ่งมีการสำรวจกลุ่มผู้บริโภค อาทิ โรงแรม และร้านอาหาร รวมถึงการหารือกับกลุ่มแม่บ้าน พบว่ากระแส “รักษ์โลก” กำลังมาแรง ผู้คนกำลังมองหาภาชนะจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้เพื่อลดการใช้พลาสติก
ทั้งนี้ “การนำใบจากมาผลิตเป็นภาชนะมีขั้นตอนไม่ซับซ้อน” เริ่มจากการนำใบจากมาตากให้แห้งและตัดให้ได้ความยาวตามที่ต้องการ นำมาซ้อนกันเป็นแผ่น 2 แผ่นที่วางตามแนวยาวและแนวขวางโดยใช้แป้งสาคูเป็นตัวประสาน จากนั้นนำไปเข้าแม่พิมพ์ (โมล) และใช้เครื่องอัดที่มีระบบแรงดันและความร้อน เพื่ออัดให้แผ่นใบจาก กลายเป็นจานใบจากที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพราะเป็นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ
ขณะที่ ผศ.วรพงค์ บุญช่วยแทน อาจารย์สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวเสริมว่า นอกจากการใช้ความรู้ทางวิศวกรรมมาพัฒนาเครื่องอัดใบจากแล้ว “การทำให้ผู้ใช้ที่เป็นเกษตรกรเกิดการยอมรับและสามารถใช้งานได้จริงคือสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน” โดยก่อนที่มหาวิทยาลัยจะนำเครื่องไปติดตั้งและสอนการใช้งานจริงให้กลุ่มวิสาหกิจ ก็ได้จัดอบรมการใช้งานให้กับตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมเบื้องต้น ก่อนจะนำเครื่องไปติดตั้งพร้อมทั้งอบรมในพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง
“วิธีการนี้ทำให้กลุ่มแม่บ้าน มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้เครื่องนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว และมีการนำมีทักษะบางอย่างของเขามาทำให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานมากขึ้น เช่น ใช้การฟังเสียงไอน้ำที่ระเหยออกมาตามร่องของแม่พิมพ์มาช่วยกำหนดเวลาในการอัดขึ้นรูป ซึ่งช่วยแก้ปัญหาความชื้นที่ไม่เท่ากันของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดีและได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน”อาจารย์วรพงค์ กล่าว
ด้านตัวแทนจากชุมชน เปรมวดี ไพบูลย์ รองประธานวิสาหกิจชุมชนทุ่งกระบือร่วมใจพัฒนา กล่าวว่า ในกลุ่มมีการปรับกระบวนการบางอย่างจริงในการผลิตจริง เช่น นำใบจากไปตากแดดแทนการรีดเพื่อลดค่าไฟให้น้อยลง หรือการเปลี่ยนวัสดุประสานจากแป้งมันสำปะหลังที่ต้องซื้อจากภายนอกมาเป็นแป้งสาคูแทน ซึ่งแม้จะเป็นสารธรรมชาติเหมือนกัน แต่แป้งสาคูจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าเพราะสามารถยึดเกาะและมีความเหนียวมากกว่า อีกทั้งหาซื้อได้จากชุมชนใกล้เคียงอันเป็น
การกระจายรายได้อีกด้วย
นอกจากผลิตภัณฑ์จานใบจากที่ใช้ใบจากสดเป็นวัตถุดิบแล้ว ยังมีการนำเศษใบจากแห้งที่เหลือจากการผลิตจานจากใบจากและผลิตภัณฑ์อื่นๆ มาบดแล้วอัดเป็นจานรักษ์โลกอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีต้นทุนถูกลง โดยจานใบจากที่ได้จากเศษใบจากแห้งมีต้นทุนใบละ 10 บาท ส่วนจานใบจากสดมีต้นทุนอยู่ที่ใบละ 20 บาท และด้วยจุดเด่นของจานใบจาก สามารถใส่ได้ทั้งอาหารคาวหวานร้อน-เย็น โดยมีคุณสมบัติคือย่อยสลายง่าย แต่มีความแข็งแรงสูงกว่าภาชนะที่ทำจากใบตองหรือกาบหมาก
เนื่องจากมีก้านใบจากเป็นตัวเสริมแรง และมีการวางซ้อนกัน 2 ชั้น (การอัดใบตองหรือใบบัวเป็นภาชนะจะใช้เพียง 1 ใบ) ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึงครึ่งกิโลกรัม รวมทั้งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ได้อีกหลายครั้ง ที่สำคัญคือมีความสวยงามจากสีและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของใบจาก ทำให้เมื่อนำจานใบจากไปโชว์ในงานหมูย่างและขนมเค้กเมืองตรัง ซึ่งเป็นงานประจำปีของจังหวัดช่วงเดือนก.ย. 2562 ที่ผ่านมา จึงได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และรีสอร์ท
ในเกาะต่างๆ
นวัตกรรมการผลิตจานใบจาก คือตัวอย่างที่ดีของงานวิจัยเชิงพื้นที่ ที่นำปัญหาและความต้องการของชุมชน มาพัฒนาเป็นโจทย์วิจัย และใช้กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสามารถเกิดประโยชน์กับพื้นที่นั้นๆ ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน!!!
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี