5 ปี‘พ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมสัตว์ฯ’ มีมากกว่าป้องกันสัตว์ถูกทารุณ
สำหรับที่มาของพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 เมื่อปี 2547 มีการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมชัดเจนนำโดยคุณสวรรค์ แสงบัลลังค์ เลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ในขณะนั้น พร้อมด้วยองค์กรเครือข่ายที่เป็นพันธมิตร ร่วมกับสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันยกร่างกฎหมายลักษณะนี้ขึ้นมาและมาประชุมร่วมกับร่างของกรมปศุสัตว์ ซึ่งมีการริเริ่มเสนอร่างกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน
การดำเนินการพิจารณากลั่นกรองกฎหมายก็ผ่านมาหลายรัฐบาล จนกระทั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้นำร่างกฎหมายที่ค้างสภาเดิมกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 โดยเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา จนพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2557 และให้มีผลบังคับใช้หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 27 ธันวาคม 2557
การดำเนินงาน 5 ปี พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์พ.ศ.2557มีการการออกกฎหมายลำดับรอง ประกาศและระเบียบ ต่าง ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มีอย่างน้อย 10 ฉบับ อีกทั้งขณะนี้ยังมีกฎหมายลำดับรองที่กำลังดำเนินการยกร่าง เช่น การจัดสวัสดิภาพสัตว์ในสถานเพาะพันธุ์สุนัข แมว ในปางช้าง และในสถานที่ขายสัตว์ ที่ผ่านมามีการดำเนินงาน โดยมีคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ มีอำนาจหน้าที่ ในการเสนอนโยบายแผน มาตรการต่าง ๆ ต่อรัฐมนตรี รวมทั้งเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกประกาศตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้
อีกทั้งมีอนุกรรมการวิชาการ รวมทั้งคณะทำงาน ด้านต่าง ๆ ในการพิจารณากลั่นกรอง กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ปัจจุบันกรมปศุสัตว์โดย น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีฯ ได้จัดตั้ง กองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ มีหน้าที่รับผิดชอบหลักในงานคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และให้การรักษาพยาบาลสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมหรือช่วยเหลือสัตว์ที่ตกอยู่ในภยันตรายในกรณีที่ไม่มีผู้ใดให้การรักษา ที่สำคัญมีการเพิ่มช่องทางการรับเหตุร้องเรียน ผ่านแอพพลิเคชั่น DLD 4.0 ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่สนับสนุนภารกิจกรมปศุสัตว์ นอกเหนือจากการติดต่อผ่านโทรศัพท์หรือการแจ้งเหตุด้วยตนเอง ทำให้กรมปศุสัตว์สามารถบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ทันท่วงที
ตัวอย่าง การบังคับใช้กฎหมาย มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ กว่า 1,000 กรณีและที่สำคัญมีคำพิพากษาตัดสินในกรณีต่างๆ เช่น
+ การใช้มีดขว้างใส่ใบหน้าสุนัข ศาลให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
+ การใช้ยาพิษฆ่าสุนัข ศาลตัดสินในความผิดทำให้เสียทรัพย์ ลงโทษกระทงละ 6,000 บาท สองกระทง รวมปรับ 12,000 บาท โทษจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพและจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนโทษปรับลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 6,000 บาท
+ กรณีการฆ่าสุนัขและถ่ายคลิปวิดีโอออกเผยแพร่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ศาลพิพากษาจำเลยที่ 1 ผู้โพสต์คลิปฆ่าโหดสุนัข ในเฟซบุ๊ค จำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 2 ผู้ฆ่าสุนัข ให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยไม่รอการลงโทษ
+ กรณีการฆ่าและชำแหละสุนัขเพื่อจำหน่ายจำนวน 14 ตัว ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
+ กรณีการโยนสุนัขลงจากที่สูงจนตาย ศาลพิพากษาตัดสิน ในความผิดทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานกระทำให้เสียทรัพย์ลงโทษจำคุก 4 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน แต่พฤติกรรมของจำเลย ทำให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดจนตาย และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ ไม่มีเหตุให้ลดโทษให้และไม่รอการลงโทษ
+ กรณีการใช้อาวุธมีดและเหล็กทำร้ายสุนัข ศาลพิพากษาให้จำคุก 4 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน แต่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ศาลจึงไม่รอการลงโทษ แต่การกระทำนั้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบที่บุตรสาวเคยถูกสุนัขกัด ศาลจึงเปลี่ยนจากโทษจำคุกให้เป็นกักขังแทน และจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษา
+ กรณีการฆ่าแมวที่รับมาอุปการะ จำนวน 9 ตัว ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมฯ และป.อาญา มาตรา 381 ให้ลงโทษบทหนักสุด ให้จำคุก 9 กระทง กระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 36 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 9 กระทงๆ ละ 2 เดือน โดยรวมจำคุก 18 เดือน แต่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้โทษจำคุกมาก่อน จึงไม่มีเหตุแห่งการลงโทษ คดีนี้จำเลยได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มาบังคับใช้ร่วม กับ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 เช่น
1. กรณีสัตว์ที่มีเจ้าของไปสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์สิน
เจ้าของต้องรับผิดชอบตาม ป.อาญา ม.377 ถ้าผู้ควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยอาจจะทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของปราศจากความระมัดระวังทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายไม่มากจะมีโทษตาม ม. 390 ฐานประมาทจนทำให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จะผิดตาม ป.อาญา ม.300 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะมีความผิดตาม ม.291 โทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท สำหรับ ปพพ. ม. 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของสัตว์จำต้องชดใช้ค่าเสียหาย ให้แก่ฝ่ายที่เสียหายจากสัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงสัตว์นั้น
กรณีตัวอย่างเช่น เหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ผู้เสียหายกำลังจะเดินไปซื้อของ ไม่ทันเห็นสุนัขที่ผูกล่ามไว้ ทำให้สุนัข 2 ตัว กระโดดมารุมกัดที่ขา ผู้เสียหายล้มตกลงไปในช่องคูน้ำ โทรศัพท์ iPhone X ตกแตก เจ้าของไม่รับผิดชอบความเสียหาย อีกทั้งยังท้าทายให้ผู้เสียหายไปฟ้องร้องต่อศาลเอง ผู้เสียหายฟ้องร้องคดีทางแพ่ง ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ให้เจ้าของสุนัขชดใช้เป็นเงินจำนวน 109,576 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย แต่เจ้าของสุนัขขอยื่นอุทธรณ์ และล่าสุดศาลเดือนธันวาคม 2561 อุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนคดีอาญาจำเลยวางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายต่อศาลจำนวน 20,000 บาท
2.กรณีสุนัขจรจัด ไปสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น
ศาลปกครองสูงสุด ก็เคยมีคำวินิจฉัยตัดสิน ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแลสัตว์จรจัดชดใช้ค่าเสียหายให้เอกชน เช่น คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.1751/2559 กรณีเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศ อ้างว่าสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ที่บ่อขยะนั้น เป็นความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล ศาลปกครองสูงสุดตัดสินว่า องค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่ ในการจัดการดูแลสุนัขจรจัด ซึ่งถือว่าสุนัขเป็นสัตว์ควบคุมตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ 2535 สัตว์จำต้องมีเครื่องหมายประจำตัว เมื่อพบเห็นแล้วโดยไม่ปรากฎเครื่องหมายประจำตัวสัตว์เจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมมีอำนาจจับสัตว์ควบคุมนั้นเพื่อกักขัง ให้ราชการผู้ถูกฟ้องคดีต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับเอกชนผู้ฟ้องคดีนั้น
พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 นั้นไม่ใช่มีขึ้นมาเพื่อป้องกันสัตว์จากการถูกทารุณกรรมและเพื่อการจัดสวัสดิภาพสัตว์ให้ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีไว้เพื่อให้ “มนุษย์มีความเมตตา กรุณาต่อสัตว์” เป็นการรักษา คุณธรรม จริยธรรม ของจิตใจมนุษย์เอง เพราะการทารุณกรรมสัตว์ นอกจากจะสร้างพฤติกรรมนิสัยที่ก้าวร้าว รุนแรงต่อสัตว์แล้ว ยังอาจส่งผลให้ผู้ที่เคยกระทำการทารุณสัตว์มีแนวโน้มในการทำร้ายเพื่อนมนุษย์มากกว่าผู้ไม่เคยทารุณสัตว์อีกด้วย
ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล
เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี