วันพุธ ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
คนโกรธมากตายมาเป็นงูพิษ เสือ จระเข้ สัตว์ที่ดุร้าย : หลวงพ่อสนอง

คนโกรธมากตายมาเป็นงูพิษ เสือ จระเข้ สัตว์ที่ดุร้าย : หลวงพ่อสนอง

วันเสาร์ ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563, 18.41 น.
Tag : คนโกรธมาก จระเข้ ตายมาเป็นงูพิษ สัตว์ที่ดุร้าย เสือ หลวงพ่อสนอง
  •  

เจริญสุขท่านสาธุชนผู้สนใจธรรมะสว่างใจทุกท่าน... คนเราถ้าไม่โกรธกันเสียได้จะเป็นสุขมาก เพราะความโกรธนั้นเป็นศัตรูของใจเราเป็นตัวทุกข์อย่างมาก ถ้าเราโกรธแล้วไม่มีอะไรดีเลยในโลกนี้ มีแต่ของเสีย มีแต่ของที่ไม่สวยไม่งาม ฉะนั้น ความโกรธจึงเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ไม่ควรโกรธเลย ความโกรธนั้นเหมือนไฟไหม้เผาตัวเอง ไม่มีความสุข เร่าร้อนอยู่สม่ำเสมอจะกินก็ร้อน จะนั่งก็ร้อน จะนอนก็ร้อน จะเดินก็ร้อน จะพูดคุย จะทำการงานอะไรก็ร้อน ร้อนเพราะความโกรธมาเผาใจเรา แม้แค่นิดเดียวก็ร้อน 

ดังนั้น จงชนะความโกรธดีกว่าชนะคนอื่น การชนะคนอื่นนั้นเราก็ไม่หมดโกรธ เราก็ยังเป็นคนโกรธมากขึ้น ยิ่งโกรธเป็นทวีคูณไปมากยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเพิ่มความทะเยอทะยาน ความมักใหญ่ใฝ่สูง มีทิฏฐิมานะมากยิ่งขึ้น หรือความถือตัวมากขึ้น ดังนั้น จึงว่าความโกรธนั้นยิ่งเพิ่มความชั่วให้แก่ใจเรา ไม่ได้ทำความดีให้แก่ใจเราเลย ฉะนั้นผู้ปฏิบัติธรรมจึงรู้ว่า ความโกรธนั้นควรฆ่าให้ตายเสีย อย่าไปฆ่าคนอื่น ควรทำลายความโกรธเสีย หรือควรรู้ทันด้วยสติและปัญญา ความโกรธถ้าไม่รู้ทันด้วยสติปัญญานั้นก็จะไม่มีอะไรที่จะมาดับความโกรธได้ ฉะนั้นจึงต้องเพียรทำหรือคอยรู้จักเขาคือความโกรธ โกรธเมื่อไร ก็รู้จักว่าเขาโกรธเรื่องอะไร 


เหตุที่ทำให้โกรธนั้นเพราะอะไร.. เพราะเราคิดว่าเขาไม่ดี เขาพูดไม่ดี เขาทำอะไรไม่ถูกใจ เมื่อความโกรธมาเป็นนายเรา เราก็คิดจะเป็นนายคนอื่น คิดจะข่มขู่คนอื่นให้คนอื่นนั้นกลัวเรา ความโกรธนั้นเปรียบเหมือนสุนัข ที่เวลามันกินอาหารแล้วมันก็กัดกัน มันไม่ได้กัดกันเพราะว่ามันโกรธกัน เช่น เวลามันอยู่ด้วยกันมันก็รักกัน เลียกันไปเลียกันมา หยอกกันไปหยอกกันมา รักกันกลมเกลียวเพราะมันมีเมตตา 

ตอนมันยังไม่ได้กินอาหารสุนัขบางตัวมันก็รักกัน เราก็ต้องเปรียบเป็นสุนัขไทยก็แล้วกัน เพราะว่าถ้าเปรียบสุนัขฝรั่ง ถ้าเขาฝึกไว้ดีแล้วมันก็ไม่กัดกัน เวลาได้แย่งอาหารกัน อาหารจะเป็นอาหารดีหรือไม่ดีก็ตาม เพียงแค่ก้างปลา หัวปลาทูหรือกระดูกมันก็จะกัดกัน ยิ่งกระดูกนี่ยิ่งแย่งมาก เพราะว่าเป็นความหวงแหนของเขา นั่นแหละคือความโกรธ เกิดความโลภขึ้นมา พอเกิดความโกรธก็กัดกัน ยิ่งเพียงหัวปลาหัวเดียวหรือเพียงกระดูกเพียงท่อนเดียวก็กัดกันอยากให้สุนัขกัดกันก็เท่านั้นเอง เพียงแค่เอากระดูกหรือเพียงแค่เศษอาหารให้กินมันก็กัดกันแล้ว 

แต่เมื่อเลิกกินแล้วมันก็ไม่กัดกัน มันก็อยู่ด้วยกันแบบพี่แบบน้อง ฉะนั้น คนเราที่ทะเลาะกันก็คือแย่งความเป็นใหญ่หรือแย่งความคิดที่ว่าตัวเองเป็นเจ้าของ ตัวเองเป็นนาย ตัวเองสำคัญ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าเขา แต่แท้ที่จริงแล้วคนเรามีธาตุธรรมเสมอกัน ไม่มีใครจะเกินเลยกันได้ มนุษย์เรานี้มีกินเท่ากันนอนเท่ากัน ใช้ชีวิตไม่ต่างกันไม่มีใครจะวิเศษกล่าวกัน บุญกุศลก็สามารถทำได้เท่ากัน ดังนั้น เราจึงเปรียบความโกรธเหมือนสุนัขแย่งอาหาร แย่งกระดูกกัน มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันกัดกันเดี๋ยวก็มาดีกันทั้งๆ ที่เจ็บตัวโดยความโกรธ เขาเปรียบสุนัขเป็นครูได้เหมือนกัน ทำให้เกิดปัญญา เป็นปุคคลาธิษฐานได้ว่า นี่แหละเวลาโกรธก็เหมือนสุนัขกัดกันอย่างนี้ คนเราเวลาโกรธก็ทะเลาะกันอย่างนี้ แล้วเดี๋ยวก็มาตกลงดีกัน ถ้าดีกันไม่ได้ก็ให้เจ้าของไล่ บางตัวก็กัดกันเสียจนไม่ฟัง ก็ต้องเอาน้ำไล่หรือจับแยก 

คนเราเวลาโกรธก็เหมือนกัน ทะเลาะกันแย่งทรัพย์สมบัติกันฟ้องร้องกัน ตีกัน ฆ่ากัน ด่ากัน ขึ้นโรงขึ้นศาล หากรรมการพิพากษาให้แยกกัน ให้ประนีประนอมหรือว่าตกลงความถูกผิดกัน นี่ก็เป็นเพราะความโกรธ ความโลภ จึงต้องมีกรรมการคอยห้าม ถ้าไม่โกรธก็ดีกัน มีอะไรก็มาแบ่งกันกิน สุนัขที่กัดกันไม่ใช่ว่าจะได้กินดีนะ บางตัวก็ร้องครวญครางเจ็บไปเลย แข้งขาเจ็บ กินอะไรไม่ได้เพราะกัดกัน บางทีของนั้นก็หกหล่นเสียหายไปแล้ว ไม่ได้กินของดีของสะอาด 

 

 

หลวงพ่อสงค์ ท่านเปรียบเทียบว่าเวลาเจ้าของให้กินอะไรมันก็รักเจ้าของ ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ สุนัขนี้เป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ จริงใจต่อเจ้าของ และก็ปกป้องเจ้าของไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้ เวลาเจ้าของตีก็ร้อง เอ๋ง เอ๋ง วิ่งร้องลั่นไปตามใต้ถุนบ้าน มันไม่โกรธเจ้าของ พอหายเจ็บมันก็กับมาเลีย มาประจบเจ้าของ ต้องการให้เจ้าของรักมันต่อ เมื่อกี้มันรู้ว่าเจ้าของไม่ชอบมันเกลียดมัน ก็กลับมาเลียเจ้าของมันไม่ได้โกรธเจ้าของ 

สุนัขก็เป็นครูของความโกรธได้เหมือนกัน ใครทำใจได้อย่างสุนัขบ้าง ที่ไม่โกรธคนด่า ไม่โกรธคนว่า ไม่โกรธคนตี ไม่โกรธคนมาทำร้ายเรา นี่คือใจของสุนัขที่ไม่โกรธเจ้าของ ถ้าทำไม่ได้ก็สู้สุนัขไม่ได้ บางคนก็เปรียบเทียบอย่างนั้น ว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ไม่โกรธเจ้าของ อาจจะงอนนิดหน่อยน้อยใจบ้างก็เป็นเรื่องของสุนัข แต่ว่าความจริงแล้วเขาก็รักซื่อสัตย์ 

ดังนั้น สัตว์ถึงแม้ไม่ประเสริฐแต่บางครั้งจิตของเขาก็อยู่ในภูมิที่ไม่ปรุงแต่งไปในทางเลวร้ายที่คิดจะฆ่าเจ้าของ ไม่คิดจะแก้แค้นเจ้าของ ไม่คิดจะมาผูกพยาบาทอะไรแต่ว่ากลับรักเจ้าของมากยิ่งขึ้น ซื่อสัตย์มากขึ้นอีก นี่คือจิตของสุนัข ที่มันมีความโกรธแต่มันโกรธเพียงบางอย่างเท่านั้นเอง มันกลับไม่โกรธเจ้าของ มันโกรธกันเองด้วยการแย่งกันกินแต่ไม่นาน พอเลิกแล้วก็ดีกัน ไม่มีเลยในบ้านนี้ ไม่มีเลยในเมืองนี้ ในโลกนี้ไม่มีเลยที่มีความสุข เราจะเห็นเลยว่าคนโกรธย่อมไม่มีความสุขเลย เกิดมาโกรธแล้วไม่มีความสุขเลย คนๆ นั้นย่อมเป็นเหมือนงูพิษ เมื่อโกรธมากๆ ขึ้นมาถึงกับเข่นฆ่าทุบตีเป็นผู้ร้ายขึ้นมา ทุกคนก็เกลียดกลัว ทุกคนก็จะระแวงสงสัยว่าคนๆ นี้เป็นคนร้าย เป็นคนที่คบยาก เป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก ทุกคนก็จะรังเกียจ เหมือนพิษภัย 

คนโกรธมากก็ตายมาเป็นงูพิษ ตายมาเป็นเสือ ตายมาเป็นจระเข้ มาเป็นสัตว์ที่ดุร้าย พวกสัตว์ที่ดุร้ายพอกลับมาเกิดก็เป็นสัตว์ที่น่าเกียจ ทุกคนก็ไม่รักใคร่ บางทีเจอแล้วก็ทำร้าย หรือถ้าเขาไม่ฆ่าตายก็เอาไปใส่กรงขัง เช่น พวกงู พวกเสือ พวกสัตย์ที่มีเขี้ยวเล็บ กัดกินมนุษย์ทำร้ายมนุษย์ โดยมากมนุษย์ก็จะฆ่าหรือไม่ก็เอาไปขังเอาไปทรมาน นี่คือสิ่งที่เกิดมาจากกรรมของความโกรธ มนุษย์ที่โกรธมากๆ เขาก็เอาไปขังเหมือนกัน ดังเช่นเขาเอาไปขังไว้ในคุกตลอดชีวิต บางครั้งถึงกับประหาร ตายไม่ดีเหมือนกันความโกรธ บางคนถึงกับพิกลพิการไปเลย 

นี่คือความโกรธ เหมือนอย่างบางคนพกระเบิดไปขู่เขา โกรธเขา เขาทำไม่ถูกใจ เขามาว่าเราพกระเบิดไปขู่เขา แย่งกันไปแย่งกันมาระเบิดหล่นแตกตายก็มี นี่คือความโกรธทั้งนั้น ฉะนั้นคนเรามาปฏิบัติธรรมนี้ ก็มาถึงความปราณีตของธรรม คนเราก็จะรู้จักรักษาใจตนเอง คนเราถ้าปฏิบัติธรรมตั้งแต่ ๗ ขวบขึ้นไป ขอให้เจริญธรรมะเถิด ฟังธรรมะพระพุทธเจ้าเข้าใจเถิดว่านี่คือหลักธรรม นี่คือสมถกรรมฐานว่าอย่างไร วิปัสสนากรรมฐานว่าอย่างไร บาปเป็นอย่างไรบุญเป็นอย่างไร เหตุของความเกิดทุกข์เป็นอย่างไร

....................

บทความธรรมะของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน 
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ด่วน! ปภ.แจ้งเตือน'แม่นํ้าน่าน'ล้นตลิ่ง ให้ชาวบ้าน 7 ตำบลใน 2 อำเภอ อพยพทันที

ดวลแข้งเยาวชน!ระเบิดศึกบอลอาเซียน-ญี่ปุ่น'JINTANU-14ASEAN Dream'

ลุยระดับโลก!แล่นใบไทยสู้แดนน้ำหอม

ดีต่อใจ! 'แอน ทองประสม'กับลุคผมลอนฟูเรียบเท่ในวัย 48

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved