วันที่ 9 มกราคม 2563 นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “วันเด็กปีนี้ขอของขวัญจากรัฐบาลลดการเจ็บตายบนท้องถนน” ในงานแถลงข่าว ณ ศูนย์การประชุม The Hall Bangkok ซ.วิภาวดี 64 ย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯ จำนวน 420 คน แบ่งเป็นอายุ 10-15 ปี 12 คน อายุ 16-20 ปี 382 คน และอายุ 21-25 ปี 26 คน เป็นชาย 159 คน หญิง 241 คน และเพศทางเลือก (LGBT) 20 คน พบว่า
1.ราว 1 ใน 3 หรือร้อยละ 33.1 ของกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า ในรอบ 1 ปีล่าสุดเคยประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน แบ่งเป็นร้อยละ 20.5 ตอบว่า 1 ครั้ง ร้อยละ 7.1 ตอบว่า 2 ครั้ง และร้อยละ 5.5 ตอบว่า 3 ครั้งหรือมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 66.9 ระบุว่าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนกับตนเองในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา 2.ร้อยละ 38.8 ของกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า ในรอบ 1 ปีล่าสุดคนในครอบครัวเคยประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน แบ่งเป็นร้อยละ 21.5 ตอบว่า 1 ครั้ง ร้อยละ 8.9 ตอบว่า 3 ครั้งหรือมากกว่า และร้อยละ 8.4 ตอบว่า 2 ครั้ง ขณะที่ร้อยละ 61.2 ระบุว่าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนกับตนเองในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
3.พฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มตัวอย่าง 3 อันดับแรกในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (สามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) อันดับ 1 ไม่สวมหมวกกันน็อกเมื่อต้องใช้งานมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ 59.8 รองลงมา ร้อยละ 37.6 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และอันดับ 3 ขับขี่ด้วยความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป ซึ่งประเด็นนี้ นายพชรพรรษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับถนนในพื้นที่ชุมชนการใช้ความเร็วที่ 60 กม./ชม. ก็ถือว่าเสี่ยงแล้ว โดยความเร็วที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 30 กม.ขม. เพราะหากมีคนหรือสัตว์ตัดหน้าอาจเบรกไม่ทันจนเกิดอุบัติเหตุได้
4.กลุ่มตัวอย่างเกือบ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 65.5 ไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทย โดยแบ่งเป็นร้อยละ 49.1 ระบุว่า ถนนเมืองไทยมีความปลอดภัยน้อย และร้อยละ 16.4 ระบุว่า ถนนเมืองไทยไม่ปลอดภัย ส่วนร้อยละ 27.6 ระบุว่า ปลอดภัยปานกลาง ร้อยละ 3.6 ระบุว่า ปลอดภัยมากที่สุด และร้อยละ 3.3 ปลอดภัยมาก 5.กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 69.8 ระบุว่า อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตนเองมากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 11.2 ระบุว่า รถโดยสาร และอันดับ 3 ร้อยละ 10 จักรยาน/ทางเท้า
6.กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.4 ระบุว่า อยากได้รถโดยสารสาธารณะที่ปลอดภัยและประหยัดเป็นของขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 รองลงมา ร้อยละ 26.4 อยากได้มอเตอร์ไซค์ ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มากถึงร้อยละ 86.9 เห็นว่า ระบบเบรก ABS เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นกับมอเตอร์ไซค์ และร้อยละ 90.7 เห็นว่า มอเตอร์ไซค์ทุกคันควรติดตั้งระบบเบรก ABS มาจากโรงงานโดยไม่ต้องเพิ่มราคาให้สูงขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.3 เห็นด้วยหากหลักสูตรการศึกษาจะใส่เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนลงไปด้วย
นายพชรพรรษ์ กล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุของผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์จำนวนมากมาจากการเบรกกะทันหันแล้วล้อล็อกตาย ทำให้มอเตอร์ไซค์เสียการควบคุมจนล้มลงแล้วถูกรถยนต์ที่แล่นตามมาข้างหลังทับ จึงมีโอกาสเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสมากกว่าการถูกชนแล้วลอยไปอยู่บนรถที่มาชน ซึ่งเบรก ABS หรือที่เรียกในภาษาไทยว่าป้องกันการเบรกจนล้อล็อกตาย สามารถลดความเสี่ยงได้ แต่ปัญหาที่พบคือปัจจุบันเบรก ABS ยังไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐาน
“เคยไปสำรวจตามร้านขายมอเตอร์ไซค์ รถตระกูลที่วัยรุ่นชอบขี่ ถ้าคุณอยากได้ระบบเบรก ABS คุณต้องเพิ่มเงิน 5,000-10,000 บาท รถรุ่นเดียวกัน ออพชั่นเหมือนกัน ต่างกันแค่มีหรือไม่มี ABS แต่ต้องเพิ่มเงิน 5,000-10,000 บาท ร้อยละ 90.7 บอกว่าช่วยติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานได้ไหม ไม่ใช่อุปกรณ์เสริม แล้วรัฐบาลไปช่วยลดเพดานภาษี รถคันไหนมี ABS ลดภาษีให้ราคามันเท่าเดิม ไม่ต้องไปจ่ายเพิ่ม ถ้ามันราคาเท่าเดิมคนซื้อแน่นอน” เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี