“2491” ปีที่เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริม “สิทธิมนุษยชน(Human Rights) เนื่องจากที่ประชุมของ องค์การสหประชาชาติ (UN) มีมติรับรอง “ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน(Universal Declaration of Human Rights)” เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2498 โดยหลังจากนั้นจึงถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล เพื่อให้เกิดความตระหนักในการเคารพศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ ไม่เลือกปฏิบัติเพียงเพราะเหคุแห่งความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่น สีผิว เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ
แม้จะเป็นเวลากว่า 6 ทศวรรษที่ประเด็นสิทธิมนุษยชนถูกขับเคลื่อนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังปรากฏการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่เนืองๆ โดยหลายกรณี “เป็นการละเมิดโดยไม่รู้ว่าละเมิด” จากความเคยชินที่ปฏิบัติกันมาแล้วไม่มีใครทักท้วง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ทีมงาน “สกู๊ปแนวหน้า” มีโอกาสได้พูดคุยกับ ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(กสม.) ในประเด็นดังกล่าวที่ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียน
อาทิ ย้อนไปเมื่อ 27 ธ.ค. 2562 ที่ กสม. แถลงผลงานประจำปี 2562 โดยระบุว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด” ซึ่ง ประกายรัตน์ ยกตัวอย่าง เช่น ประชาชนไปแจ้งความแล้วเจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้า หรือการเปิดเผยประวัติการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน ที่ สตช. ออกระเบียบว่าสามารถทำได้หากเจ้าตัวยินยอมโดยไม่รู้ว่าระเบียบที่ออกมานั้นขัดต่อหลักสิทธิเด็ก
“ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเขาคุ้มครองสิทธิเด็กเข้มมาก เขาเชื่อว่าคนอายุต่ำกว่า 18 ขวบ ถ้าทำผิดมันยังแก้ไขได้ สติปัญญา สมองยังโตไม่ทัน ดังนั้นอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเขาบอกไม่ให้เปิดเผยเลย เพื่อให้โอกาสเด็กนั้นกลับตัวเป็นคนดี ในเวลาเดียวกันสิ่งที่ประชาชนกังวล อย่างนี้ผู้เสียหายก็แย่สิ! ถ้าเด็กคนนี้ไปทำผิดซ้ำซากแล้วคุณจะไม่ให้เปิดเลย เราบอกเปิดได้แต่ต้องเปิดกับศาลเท่านั้น แต่ถ้าศาลเปิดแล้วเด็กเสียหายศาลก็มีสิทธิ์ถูกร้องเรียน ถูกฟ้องร้องเหมือนกัน
ศาลจะนำประวัติเด็กมาใช้ต่อเมื่อต้องมีการบำบัดแก้ไขฟื้นฟู อาจจะต้องเพิ่มโทษเด็กกรณีเด็กทำผิดซ้ำ อย่างนี้ได้ เราทำข้อเสนอไปยัง สตช. ตอนแรกท่านบอกว่าให้มีกฎหมายเฉพาะแล้วจะทำ เราก็เอา พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 83-84 ที่เขียนล้อกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กไปให้ท่านดู ท่านก็เชื่อแล้วก็แก้ระเบียบ” ประกายรัตน์ ยกตัวอย่าง
อย่างไรก็ตาม กสม. ผู้นี้ ยืนยันว่า ในช่วงหลังๆ สตช. เริ่มให้ความร่วมมือกับทาง กสม. มากขึ้น โดยที่ผ่านมา กสม. ได้เข้าไปให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ในหลายเรื่อง อาทิ กระบวนการไกล่เกลี่ย การควบคุมตัวผู้ต้องหาด้วยการใส่กุญแจมือ หรือสิทธิของผู้ต้องหาที่ยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ควรนำตัวมาแถลงข่าว เพราะสุดท้ายศาลอาจตัดสินว่าไม่มีความผิดก็ได้แต่ผู้คนจดจำใบหน้าผ่านสื่อไปแล้ว รวมถึงการกักตัวคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองเพื่อรอส่งกลับ ต้องจัดสถานที่แยกแม่กับลูกออกมาไม่ให้อยู่ปะปนกับผู้ต้องกักทั่วไป เป็นต้น
ถึงกระนั้น สำหรับหน่วยงานภาครัฐก็ยังมีประเด็นน่าเป็นห่วงคือ “พนักงานจ้างเหมานอกงบประมาณ” สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ชุดก่อนๆ ที่ต้องการลดจำนวนข้าราชการลง ดังนั้นเมื่อข้าราชการเดิมเกษียณไปแล้วหลายหน่วยงานจึงไม่มีการรับข้าราชการใหม่ แต่หันไปใช้ระบบพนักงานจ้างเหมาเพราะยังต้องการคนทำงานให้สอดคล้องกับปริมาณงานที่ไม่ได้ลดลงจากเดิมหรือแม้แต่อาจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ทำให้ที่ผ่านมา กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เพราะพนักงานเหล่านี้ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำบ้าง ไม่มีสวัสดิการใดๆ บ้าง หรือถูกเลิกจ้างได้ง่ายๆ บ้าง ซึ่งในสมัยของ กสม. ชุดที่ 2 ได้มีรายงานแจ้งว่าการจ้างงานลักษณะนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรัฐต้องแก้ไข โดยให้ไปสำรวจว่ามีพนักงานจ้างเหมาประจำหน่วยงานต่างๆ ทั้งหมดเท่าไร และมาเน้นย้ำอีกครั้งในสมัยของ กทม. ชุดที่ 3 หรือชุดปัจจุบัน
“กสม. ชุดที่ 3 เราหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราบอกว่ารัฐบาลต้องแก้ไข ในกรณีพนักงานจ้างเหมาบริการกลุ่มนี้ควรได้เข้าถึงสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน อย่างน้อย
ต้องได้เข้าสู่ระบบประกันสังคม เราขอเพียงเท่านี้ เพื่อที่จะให้แรงงานกลุ่มนี้สามารถเป็นกำลังสำคัญทำงานให้กับประเทศชาติ เพราะหน่วยงานของรัฐก็คือการทำงานให้กับประเทศ อันนี้คือข้อเสนอที่ กสม. เสนอไป” ประกายรัตน์ ระบุ
ไม่เพียงแต่ภาครัฐเท่านั้น “ภาคธุรกิจเอกชน” ก็อาจกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้เช่นกัน ประกายรัตน์ ยกตัวอย่าง “การรับสมัครงานที่กำหนดคุณสมบัติเป็นการเฉพาะ” เช่น เคยมีผู้ร้องเรียนกรณีประกาศรับสมัครงานเฉพาะผู้จบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเมื่อ กสม. ชี้แจงว่าการออกประกาศแบบนี้เข้าข่ายละเมิดสิทธิเพราะวุฒิปริญญาตรีอย่างเดียวกันศักดิ์และสิทธิ์ย่อมเท่ากัน ผู้ประกอบการก็แย้งว่าที่ต้องตั้งไว้แบบนี้เพราะอยากได้คนเก่งเข้าไปทำงาน
กสม. จึงเสนอแนะไปว่าสถานประกอบการสามารถออกข้อสอบที่จะทำให้ได้คนเก่งก็ได้ ส่วนการเก็บค่าสมัครสอบอาจเก็บได้แต่พอสมควร หรือหากจำเป็นต้องรับคนที่มีคุณสมบัติเฉพาะจริงๆ ก็ต้องอธิบายลักษณะงานให้ชัดว่าเหตุใดจึงต้องตั้งคุณสมบัติไว้สูงเป็นพิเศษ หรือจะเป็นเรื่อง “ข้อพิพาทแรงงาน” ยังมีนายจ้างที่มองว่าลูกจ้างที่รวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานคือตัวปัญหาก่อความวุ่นวาย กระทบต่อการดำเนินธุรกิจและผลกำไรของสถานประกอบการจึงมีความพยายามกดดันเพื่อทำลายสหภาพแรงงานหรือหาทางไล่แกนนำสหภาพออกไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
“เรื่องสหภาพอย่ากลัว ถ้าท่านเป็นนายจ้างแล้วพูดกับเขาดีๆ ท่านรวยเขารวย ท่านได้เงินเยอะท่านแบ่งให้เขา เขาก็ทำงานให้ท่านอย่างสุดใจ ท่านขาดทุนแล้วท่านให้เขาดูจริงๆ ว่าท่านไม่ไหว เคยได้ยินมาบางบริษัทลูกน้องบอกว่า..นาย! เอาแค่ครึ่งเดียว (เงินเดือน) ก็พอ อย่าเพิ่งให้ออกเลย..รักบริษัท ช่วยกันประคอง ซึ่งอย่างนี้พูดให้นักธุรกิจฟัง เขาเข้าใจเลย คุณก็ต้องพึ่งแรงงาน ถ้าแรงงานเต็มใจอยู่กับท่าน ทำงานเต็มที่ ท่านได้ผลกำไรเท่าไรก็แบ่งให้เขาตามสัดส่วน ถ้าเรามองแบบนี้สหภาพจะเป็นบวก
แต่ส่วนใหญ่ที่ภาพออกไป คนจะมองว่าสหภาพดีแต่จะมาเรียกร้องเอานู่นเอานี่ แต่ท่านบอกสหภาพหรือเปล่าว่าท่านทำไม่ได้เพราะอะไร ท่านจริงใจไหม บอกกับเขาจริงๆ กระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างจะทำให้ธุรกิจท่านเจริญรุ่งเรืองแล้วชื่อเสียงที่ท่านได้มันกินไม่หมด เดี๋ยวนี้โล กเขาต้องการสินค้าที่ผลิตมาบนคุณงามความดี เขาไม่ได้ต้องการสินค้าราคาถูกแต่เอาเปรียบมนุษย์” กสม. ผู้นี้ กล่าวในท้ายที่สุด
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี