3 หมู่บ้านชายขอบ จังหวัดตากตกสำรวจ-โวยกำลังถูกผนวกเป็นอุทยานแม่เงา ชาวบ้านวอนกันพื้นที่ออก-เตรียมประกาศเขตวัฒนธรรมพิเศษตามมติ ครม.
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านประกอบด้วยชุมชนแม่อมยะ หมู่ที่ 7 ชุมชนขุนแม่เหว่ย (แม่ปอคี) หมู่ที่ 5 ตำบลท่าสองยาง ตำบลท่าสองยาง ชุมชนซอแขระกลาตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ประมาณ 100 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นหมู่บ้านชาติพันธุ์ปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยงที่ตั้งถิ่นฐานมานานกว่า 150 ปีได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่เงา จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อขอกันเขตพื้นที่ชุมชนออกจากพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงา
ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านอาศัยอยู่บริเวณลำน้ำยวมและแม่น้ำสาละวิน การเดินทางจากจังหวัดตากมาถึงหมู่บ้านมีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร ถนนเข้าหมู่บ้านเป็นพื้นที่ลาดชัน ส่วนใหญ่เป็นถนนดินลูกรัง ดินโคลนจึงทำให้การเดินทางในฤดูฝนเป็นไปด้วยความยากลำบาก และการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานยังไม่สามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม ชุมชนดั้งเดิมเหล่านี้ได้รับการสั่งสมและสืบทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษทั้งการประกอบชีพ ประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อต่างๆ โดยเฉพาะระบบการทำไร่หมุนเวียนทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหารที่มีความหลากหลายของพรรณพืช ทั้งข้าวพื้นบ้านและผักรวมกว่า 80 ชนิด
ในหนังสือระบุว่า ชาวปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยงใน 3 หมู่บ้านยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมจึงสมควรได้รับการคุ้มครองตามจากตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ที่ได้กำหนดแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงไว้ 5 ด้าน ได้แก่ด้านอัตลักษณ์ชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ด้านการจัดการทรัพยากร ด้านสัญชาติด้านสิทธิในการศึกษาและด้านการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมให้เกิดพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษในชุมชนเพื่อให้สามารถดำรงรักษาสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหมู่บ้านบ้านแม่อมยะและขุนแม่เหว่ยมีความตั้งใจและมีความพร้อมในการจัดตั้งเป็นเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษตามมติ ครม.ดังกล่าว เพื่อจัดการทรัพยากรธรรมชาติทั้ง ดิน ป่า น้ำ ของชุมชน
ในหนังสือระบุว่า หมู่บ้านได้ทำโครงการวิจัย เรื่อง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติร่วมพื้นที่ป่าและพื้นที่ทำกินบ้านแม่อมยะ-บ้านขุนแม่เหว่ย ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จากข้อมูลวิจัยได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ องค์ความรู้ ภูมิปัญญาในจัดระบบการจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุมชน
นอกจากนี้ คนในชุมชนเป็นผู้ทำวิจัยเองจึงถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ชุมชนต่อกระแสการพัฒนาจากภายนอกโดยเฉพาะการเข้ามาของระบบพืชพาณิชย์ สามารถนำข้อมูลไปใช้สื่อสารต่อคนภายนอกชุมชนได้ใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงาน ทั้งนี้ ชุมชนได้นำเสนอข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในระดับพื้นที่ และได้ข้อตกลงว่าให้ชุมชนยังสามารถทำไร่ที่มีรอบการหมุนเวียนจำนวน 5 ปี แต่มีเงื่อนไขที่ต้องไม่ให้มีการใช้สารเคมีในชุมชน ส่วนพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงานั้น ชุมชนจะได้นำเสนอข้อมูลต่ออุทยานแห่งชาติแม่เงาเพื่อกันเขตชุมชนออกจากพื้นที่เตรียมประกาศของอุทยานแห่งชาติแม่เงา
"พื้นที่บ้านซอแขระกลา บ้านแม่อมยะ และบ้านขุนแม่เหว่ย เป็นหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา โดยพื้นที่เตรียมประกาศดังกล่าวทับซ้อนกับพื้นที่ชุมชน ประกอบด้วยพื้นที่ป่าต้นน้ำ พื้นที่ป่าชุมชน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ไร่หมุนเวียนแปลงอูยะเด พื้นที่ไร่หมุนเวียน แปลงอูยะว้า และพื้นที่นา บ้านแม่อมยะจำนวน 5,220 ไร่ และบ้านขุนแม่เหว่ย จำนวน 2,204 ไร่" ในหนังสือระบุ
ในหนังสือระบุด้วยว่าจากการประชุมร่วมกับอุทยานแห่งชาติแม่เงา และมูลนิธิกะเหรี่ยงเพื่อการพัฒนาและบริการ ในงานเสวนาการนำเสนอผลงานวิจัยของชุมชนและการหาแนวทางการจัดการที่ดินอย่างมีส่วนร่วม เพื่อการพัฒนาและบริการซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับอุทยานแห่งชาติแม่เงาในการจัดทำแผนที่ขอบเขตชุมชนเพื่อกันพื้นที่ของชุมชนออกจากพื้นที่เตรียมประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่าในขณะทำการสำรวจหมู่บ้านนั้น มีการสำรวจเฉพาะพื้นที่หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลแม่วะหลวงเท่านั้น ซึ่งบ้านขุนแม่เหว่ย และบ้านแม่อมยะเป็นหมู่บ้านที่ระบุในเขตการปกครองทางราชการอยู่ในตำบลท่าสองยาง จึงไม่ได้เข้าร่วมสำรวจพื้นที่การจัดทำแผนที่กันขอบเขตของชุมชนออกจากพื้นที่เตรียมประกาศและไม่ได้รับการแจ้งข่าวสารการประกาศพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ จากทั้งอุทยานแห่งชาติแม่เงาและมูลนิธิกะเหรี่ยงเพื่อการพัฒนาและบริการ
เมื่อสอบทานกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าสองยาง โดยรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่า สองยางได้ให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันว่า ทาง อบต.ไม่ได้รับแจ้งข้อมูลการเตรียมประกาศพื้นที่เช่นเดียวกัน แต่เมื่อตรวจสอบจากขอบเขตหมู่บ้านที่ชุมชนได้จัดทำขึ้นเองจากงานวิจัย จึงพบว่าแท้จริงแล้วบ้านขุนแม่เหว่ย และบ้านแม่อมยะมีพื้นที่ทำกินและพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินตั้งอยู่ในตำบลแม่วะหลวงและมีพื้นที่บางส่วน อยู่ในขอบเขตพื้นที่เตรียมประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแม่เงา
ในหนังสือระบุข้อเรียกร้องว่า 1.ขอให้อุทยานแห่งชาติแม่เงาได้กันพื้นที่ทำกิน พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่จิตวิญญาณ พื้นที่ประกอบอาชีพ พื้นที่พิธีกรรมความเชื่อ ตลอดจนพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามวัฒนธรรมชุมชนออกจากพื้นที่เตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา 2.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรองรับสิทธิชุมชนและสนับสนุนกำหนดให้พื้นที่ชุมชนเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม 2553 โดยเฉพาะเรื่องไร่หมุนเวียนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติให้ชุมชนสามารถสืบทอดและทำกินโดยมีรอบหมุนเวียนอย่างน้อย 5 ปี
3.ขอให้มีการแบ่งขอบเขตพื้นที่การปกครองตามภูมิศาสตร์ของชุมชน ตามขอบเขตนิเวศวัฒนธรรมของชุมชนที่ชุมชนรับรู้ยอมรับและปฏิบัติสืบทอดการมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ 4.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากวัฒนธรรมและทรัพยากรในพื้นที่ เช่น บุก ไผ่ พริกและอื่นๆ ให้สามารถนำออกจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง 5.ขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินโครงการในชุมชนให้คำนึงถึงผลกระทบทางวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและให้โอกาสชุมชนเลือกรับหรือปฏิเสธอย่างเป็นอิสระ 6.ขอให้มีการชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติแม่เงาให้กับชุมชนบ้านซอแขระกลา ชุมชนบ้านแม่อมยะและชุมชนบ้านขุนแม่เหว่ย
---------------------
ขอบคุณภาพจากเฟสบุค P'kid Sukid Pradabphuthong
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี