ด้วยจิตคารวะ!‘สจ๊วตแอร์เอเชีย’เล่าละเอียดยิบ ภารกิจเที่ยวบิน‘อู่ฮั่น-สู่อู่ตะเภา’
7 กุมภาพันธ์ 2563 เพจ Army times Thailand โพสต์ภาพ “สจ๊วตแอร์เอเชีย เที่ยวบิน อู่ฮั่น-สู่อู่ตะเภา” พร้อมบทความ มีเนื้อหาดังนี้
“แม้เราจะเหนื่อยกันมาก หายใจผ่านหน้ากาก N 95 ด้วยความลำบาก แต่ ผมมีความสุขที่กำลังจะได้พาทุกคนกลับบ้านและมาเจอคนที่รัก
“สจ๊วตแอร์เอเชีย เที่ยวบิน อู่ฮั่น - สู่อู่ตะเภา เล่าละเอียดยิบ ในเฟสบุ๊ค ส่วนตัว เล่าตั้งแต่นาทีรู้ตัวต้องบินรับคนไทย อพยพหนีไวรัสโคโรนาา กลับประเทศ จนถึงเครื่องแลนดิ้ง สู่ รันเวย์อู่ตะเภา “
“Ask not what your country can do for you, ask what you can do for your country” ~ John F. Kennedy ~
ขออ้างอิงถึงวลีนี้ แต่ทำให้เล็กลงมาอีกสักนิดและปรับใช้ให้เข้ากับงานที่ทำและหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่
ด้วยเหตุผลและความเอาใจใส่ของนายอย่างพี่ปุ้มที่ไม่ต้องการให้เกิดความกังวลหรือเดือดร้อนใครถ้าต้องรับผิดชอบหน้าที่นี้ เราจึงได้รับการติดต่อและขอยืนยันตรงนี้เลยว่าเราสมัครใจเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจนี้ด้วยตัวเอง เพราะถือว่าเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่นี้
จากที่ดูข่าวมาเราคิดว่าเราเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ในต่างแดนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ที่เห็นประเทศแล้วประเทศเล่าทำการอพยพพลเมืองของตัวเองออกจากจุดเสี่ยงและกลับมาให้ได้เจอครอบครัวและคนที่รัก และถ้าใครที่รู้จักตัวตนของเราจริงๆ จะรู้ว่าเรื่องแบบนี้เราพร้อมกระโดดเข้าไปช่วยเสมอหากทำได้
จำได้ว่าภารกิจนี้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วันที่ทราบ เราทุกคนต้องเข้าไปฝึกซ้อมใส่ชุด PPE เพื่อป้องกันสารคัดหลั่งตามที่ได้เห็นจากสื่อ โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันบำราศนราดูร ที่นั่นทำให้เราได้พบกับบุคลากรที่เต็มไปด้วยคุณภาพอย่างหมอหมู หมอรอย หมอตอย Medical พี่จ๊อบ หัวหน้าพยาบาลพี่นก พยาบาลพี่อ๋อย พยาบาลพี่เปิ้ล พยาบาลพี่นิ และทีมงาน รวมไปจนถึงพี่อ๊อบ พี่กอล์ฟ เจ้าหน้าที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล้าพูดเลยว่าทุกคนไม่ธรรมดาและทุ่มเทให้กับงานนี้อย่างสุดความสามารถ
แผนกการดำเนินงานถูกอธิบายโดยละเอียดจากทีมแพทย์ประกอบกับความคิดเห็นจากทีมนักบิน ลูกเรือ และวิศวกรอากาศยาน เพื่อให้ทุกอย่างบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามแผนที่วางไว้โดยที่จะต้องไม่มีใครได้รับเชื้อไวรัสนี้ หลังจากนั้นทีมลูกเรือได้ทำการเรียนใส่และถอดชุด PPE ซึ่งมีรายละเอียดที่เยอะมากถึงขั้นตอนการใส่และถอด เป็นอีกประสบการณ์ที่แปลก เหนื่อย แต่สนุกและได้ความรู้เพิ่มเติมอีกมาก
หมดครึ่งวันของการฝึกเราต้องรีบพากันเข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อชี้แจงความพร้อมและได้รับกำลังใจที่ดีจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน เสร็จแล้วกลับมาที่สถาบันบำราศนราดูรอีกครั้งเพื่อทำการฝึกซ้อมใส่และถอดชุด รอบนี้รู้สึกว่าเหนื่อยมากจากการใส่ชุด PPE น่าจะเป็นสาเหตุมาจากความล้าของภารกิจวันนี้ที่ยาวนาน และการหายใจรอบนี้ผ่านหน้ากาก N95 เป็นไปได้ยากและทำให้เรากังวลเล็กน้อยว่าพรุ่งนี้ที่ต้องปฏิบัติภารกิจจริงจะสามารถทำตามทุกขั้นตอนที่ได้ถูกสอนมาวันนี้หรือไม่ เช่น ห้ามจับแว่นตา หน้ากาก เสื้อผ้าต้องไม่ขาด และอื่นๆ อีกมากที่ต้องระวังเพื่อความปลอดภัยของเราเอง ทบทวนกับตัวเองตอนจบก็ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านมาพักผ่อนเพราะมีภารกิจสำคัญเช้าที่รอเราอยู่
เช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เราถึงสนามบินก่อนเวลานัด รีบวางกระเป๋าที่ห้องบรีฟแล้ววิ่งไปซื้อกาแฟแก้วโปรด เมื่อถึงเวลาบรีฟ ทุกฝ่ายต่างนัดแนะถึงหน้าที่ของตัวเอง ตรวจเช็คเอกสารเพื่อความถูกต้อง และได้รับกำลังใจดีๆ จากพี่โจ พี่ตุ้ย พี่ม้ง ที่ตื่นมาส่งพวกเราทุกคนในเช้านี้ เมื่อถึงเวลาเครื่องออกใจก็ชื้นขึ้นมาสักนิดและคิดแค่ว่าอีกแปปเดียวนะทุกคนที่รอ เราจะพาคุณกลับบ้านมาด้วยกันอย่างปลอดภัย
เครื่องลงจอดที่สนามบินอู่ฮั่น ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุด PPE และแยกย้ายกันทำตามหน้าที่ที่ได้รับบรีฟมา พี่อ๊อบและพี่กอล์ฟ เจ้าหน้าที่จากกรมการกงสุล เป็นสองคนแรกที่ถูกส่งออกไปสมทบกับเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปจากปักกิ่งก่อนหน้านั้นเพื่อดูแลคนไทย และทำการเจรจากับเจ้าหน้าที่ทางการจีนเพื่อขอใช้พื้นที่บางส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ของทีมงาน ใช้เวลาสักครู่แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ทีมงานทุกคนตั้งจุดคัดกรองตามนัดหมายและทำการเตรียมพร้อมรับคนไทยกลับบ้าน
กลุ่มผู้เดินทางค่อยๆ ทยอยเดินเข้ามา ผ่านแต่ละด่านจนถึงเครื่อง บอกเลยว่าต้องพูดคำพูดเดิมๆ อธิบายซ้ำวนไปมากับทุกคน เหนื่อยมาก หายใจลำบากเพราะหน้ากาก N95 ทำอะไรไม่สะดวกเพราะชุด PPE ประกอบกับจุดที่ยืนคือสะพานเทียบเครื่องบินที่มีความชัน และใช้เวลาอยู่แบบนั้นเกือบ 6 ชั่วโมง แต่ก็พูดได้เต็มปากเช่นกันว่ามันคือความสุขที่กำลังจะได้พาทุกคนกลับบ้านและมาเจอคนที่รัก มีแอบน้ำตาซึมบ้างในบางครั้งที่พูด มันตื้นตันใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เมื่อทุกคนขึ้นเครื่องและพร้อมออกเดินทาง ก่อนปิดประตูสิ่งที่ทำให้น้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้งคือเจ้าหน้าที่ภาคพื้น ณ สนามบินอู่ฮั่น แววตาที่แสดงออกผ่านแว่นตาช่างดูมีความสุข รอยยิ้มที่ทะลุออกมาจากหน้ากากอนามัยมันทำให้เรารู้ว่าทุกคนดีใจที่ได้กลับมาทำหน้าที่ที่เค้าเคยทำอีกครั้ง ดีใจที่ได้เห็นคนมาเยือนอย่างเช่นเคย และมันดีแค่ไหนแล้วกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ สู้ๆ ณ ชาวอู่ฮั่น เราเป็นกำลังใจให้เสมอ
เมื่อเครื่องออกเดินทางและสัญญาณรัดเข็มขัดที่นั่งได้ดับลง จากแผนที่เราจะไม่ทำอะไรเลย และรอคอยให้เครื่องลงจอดอย่างปลอดภัย กลับกลายเป็นต้องเปิดครัวลอยฟ้า เพราะเราสังเกตว่าผู้โดยสารบางคนยังไม่อิ่มกับแซนด์วิชที่เตรียมไว้ให้ เพราะผู้โดยสารทุกคนเดินทางมารอเราล่วงหน้าและที่สนามบินไม่มีอะไรขาย เราในฐานะหัวหน้าประจำเที่ยวบิน ตัดสินใจให้ทีมทำการเช็คกับกัปตันว่าเราจะบินตรงไปยังอู่ตะเภาหรือมีแนวโน้มว่าจะต้องไดเวิร์ทไปลงที่อื่นหรือไม่ กัปตันคอนเฟิร์มว่าเราจะบินตรงไปยังสนามบินอู่ตะเภา จึงตัดสินใจให้ทีมแจ้งกัปตันว่าเราจะนำอาหารทั้งหมดบนเครื่องมาอุ่นและทำการเสิร์ฟแก่ผู้โดยสาร กัปตันอนุญาตและทีมงานเริ่มดำเนินการทันที
อาหารทุกอย่างที่เตรียมไว้มีการคละจำนวนและประเภทอาหาร ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารทุกคนไม่ได้รับในสิ่งเดียวกัน เราตัดสินใจทำประกาศแจ้งรายการอาหารที่มีและขอทำการเสิร์ฟโดยให้สิทธิ์ครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กก่อน ตามด้วยสตรีมีครรภ์ คนชรา และผู้โดยสารคนอื่นตามลำดับ โดยมีทีมแพทย์ พยาบาลทำหน้าที่แอร์ สจ๊วต กิตติมศักดิ์ช่วยทำการเสิร์ฟ ทุกขั้นตอนและแม้กระทั่งในเวลาที่ผู้โดยสารกดปุ่มเรียก พี่ๆ เหล่านี้ทำการเข้าหาผู้โดยสารอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งว่าเป็นลูกเรือเก่ากันมาก่อน
ยอมรับและขอบคุณด้วยใจจริงถึงพี่ๆ แพทย์และพยาบาลทีมนี้มาก พูดได้เต็มปากว่าดูแลทีมลูกเรือดีมากโดยเฉพาะอาจารย์นก หัวหน้าพยาบาล ที่สุดท้ายแล้วกลายมาเป็นแม่นกของพวกเรา ทำหน้าที่คอยมองและถามลูกเรืออยู่ตลอดว่าจะไปไหน ไม่ต้องเสิร์ฟ เดี๋ยวพวกพี่ทำเอง เพียงเพื่อต้องการดูแลลูกเรือให้ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ตลอดเที่ยวบินเราทุกคนพยายามทำกิจกรรมเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายและลดอัตราความเครียดของผู้โดยสาร ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ดีด้วยทีมงานคุณภาพจนกระทั่งเราทุกคนเดินทางมาถึงสนามบินอู่ตะเภาอย่างปลอดภัยตามที่ได้สัญญาไว้ตั้งแต่ต้น
เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดมันดูสั้น เรียบง่าย ไม่มีอุปสรรค แต่มันคือวันที่ยาวนานของพวกเราทุกคน เวลาเตรียมตัวมีน้อยมากเมื่อเทียบกับปัญหาและความคาดหวังที่มีอยู่ น้ำไม่ได้ดื่ม ข้าวไม่ได้กิน แต่ก็อีกเช่นกันเราเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อคณะทำงานมีความพร้อมและมีความจริงใจในการแก้ปัญหา อุปสรรคแค่ไหนก็ไม่สามารถกั้นขวางความสำเร็จที่เราต้องการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยและเพื่อนร่วมแผ่นดินเป็นเดิมพัน
ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ อยากขอบคุณพี่โจ พี่ต๊อก นายใหญ่ทั้งสองที่ตัดสินใจเข้าเสนอให้แอร์เอเชียเป็นผู้ช่วยในเรื่องที่เราถนัดและทำได้ดีมาก
ขอบคุณพี่ม้ง HFO พี่ปุ้ม CCM ที่วางแผนทุกอย่างได้กระชับรัดกุมและมอบโอกาสที่ดีที่ได้ทำเพื่อคนอื่นให้
ขอบคุณหมอหมู หมอรอย หมอตอย Medical พี่จ๊อบ หัวหน้าพยาบาลแม่นก พยาบาลพี่อ๋อย พยาบาลพี่เปิ้ล ที่ดูแลพวกเราและผู้โดยสารอย่างดี ให้ความรู้ทางการแพทย์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณพี่อ๊อบ พี่กอล์ฟ ที่ทำหน้าที่ทางการทูตและให้มุมมองของการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศ
ขอบคุณกัปตันพี่มนูญ กับตันพี่อั๋น ที่ทำหน้าที่ผู้นำให้คำแนะนำและพร้อมซัพพอร์ตน้องๆ เสมอเมื่อร้องขอ
ขอบคุณน้องปอนด์ วิศวกรประจำอากาศยาน ที่ให้กำลังใจและพยายามหามุกตลกมาคุยให้พวกเราคลายเครียด
ขอบคุณทีมลูกเรือ พี่กุ๊ก พี่ปุ้ย พี่ป๋อ ที่ยอมรับและไว้ใจให้น้องคนนี้ได้ทำหน้าที่ P1 ถ้าไม่มีพวกพี่ในวันนั้นและด้วยตัวของน้องเองเคสอาจจะเข้ามาอีกนับร้อยก็เป็นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี