วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ภายในห้องประชุมวิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี ชมรมผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหาดเฉวง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 73 แห่ง ร่วมประชุมเพื่อขอความเป็นธรรมและยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอเกาะสมุย ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังเจอปัญหาทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่สามารถต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้ได้
จากปัญหานี้ได้ทำให้การติดต่อด้านการตลาดและฝ่ายขายกับทางเอเยนซีในต่างประเทศ แถบทวีปยุโรป ยังคงติดขัดและมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการส่งลูกค้าซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวในตลาดหลักมาเข้าพักกับทางโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ ในบริเวณเลียบชายหาดเฉวงได้ อันเนื่องมาจากเอกสารเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมหมดอายุ และยังไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาต
ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขและขาดการช่วยเหลือจากหน่วยงานของภาครัฐในพื้นที่ โดยอ้างว่าทางผู้ประกอบการได้ปลูกสร้างโรงแรม บังกะโล และรีสอร์ท ทับบนทางสาธารณะที่ปรากฏในผังระวางที่ดิน ซึ่งเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวที่อ้างถึงนี้ออกโดยความผิดพลาดคาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ในอดีต ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขอให้ควรพิจารณาแยกการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมออกจากปัญหาที่ดิน
ถ้าหากภาครัฐปล่อยปัญหานี้ไม่เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จะยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงเป็นอย่างมากต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมที่พักในบริเวณชายหาดเฉวง จากที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลกที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องการเดินทางมาพักผ่อน จะกลายเป็นโรงแรมที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าพักและใช้บริการ อาจถึงขั้นต้องปิดกิจการลง ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากให้กับทุกๆ คนในอำเภอเกาะสมุย
นายสุนทร หวังพัฒนธน ประธานทางชมรมผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหาดเฉวง เผยว่า สมาชิกชมรมทุกคนพร้อมใจกันทำหนังสือมาร้องขอความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด 3 ข้อ 1.ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวและลูกค้าลดลง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งต้องการรับทราบถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจและวิธีการแก้ไขปัญหา การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวในอำเภอเกาะสมุยให้เพิ่มมากขึ้น
2.ปัญหาเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมที่หมดอายุ แล้วไม่สามารถดำเนินการต่อใบอนุญาตได้ เนื่องจากทางหน่วยงานราชการ นำปัญหาที่ดินที่เกิดจากความผิดพลาดคาดเคลื่อนในการออกเอกสารสิทธิ์เพื่อพยายามทำให้เกิดเป็นทางสาธารณะบริเวณหาดเฉวง ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเส้นทางสาธารณะอยู่จริง มาสร้างเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ทำให้โรงแรมของพวกเรากลายเป็นโรงแรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายไปทันที โดยส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นไม่กล้าที่จะเดินทางมาเข้าพักกับโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วพวกเราเคยได้รับการต่อใบอนุญาตโรงแรมมาโดยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา โดยพวกเราต้องการให้ทางหน่วยงานราชการ ปลดล็อคและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งให้ส่วนราชการ ผู้มีอำนาจ ได้คิดวิเคราะห์และแยกแยะปัญหาโดยแยกพิจารณาเรื่องของใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมออกจากเรื่องของที่ดิน อย่าได้นำเรื่องดังกล่าวมาผูกโยงกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยวในอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
3.ปัญหาทางสาธารณะที่ปรากฏในผังระวางของที่ดินที่ออกโดยความผิดพลาดคาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ในอดีต ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการประกอบธุรกิจโรงแรม ณ ปัจจุบัน โดยต้องการรับทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วน
ขณะที่ พ.ท.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้า ชป.ฉก.ชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกับที่ดินทำกินของราษฎร กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยว่า จากการเข้ามาตรวจสอบพื้นที่จริง แผนที่ทางกายภาพ ผังระวางที่ดิน ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังไปในอดีต พยานบุคคคลว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร ก็พบว่าผังระวางไม่ตรงกับแนวทางเดินที่ปรากฏ จึงมีความเห็นว่าไม่ได้เป็นที่สาธารณะโดยสภาพ จึงนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่ 2 ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คณะกรรมการฯ ก็สรุปความเห็นว่าเป็นเส้นทางส่วนบุคคล ก็นำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) และกรมที่ดิน
ต่อมากรมที่ดินก็ส่งเรื่องกลับมาว่าตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการดูแลรักษาที่ดินสาธารณะต้องให้ทางนายอำเภอและนายกเทศมนตรีตอบหนังสือขึ้นมา ก็ปรากฏว่านายอำเภอได้ผลิกจากที่เห็นชอบจากทางส่วนบุคคคล กลายเป็นทางสาธารณะ เช่นเดียวกับนายกเทศมนตรี ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการชุดที่ 3 ขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อชี้ขาดว่าเป็นทางส่วนบุคคลหรือทางสาธารณะต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี