"...ดังนั้น เวลาที่เรานั่งภาวนา นั่งกรรมฐานทำใจให้สงบ ให้ตั้งมั่นให้เห็นแจ้งในธรรมะปฏิบัตินั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติกันทำจริงๆ ให้ดูตัวอย่าง ที่โบราณาจารย์เจ้าทั้งหลายเพื่อจะได้รูปพระปฏิมากร หรือรูปพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าไว้สักการะบูชานั้น อย่างเขาเอาทองเหลืองทองแดงทองอะไรก็ตามมารวมแล้ว เขาก็ต้ม หุงทองทั้งหลายเหล่านั้นเปื่อยจนเป็นน้ำปั้นหุ่นรูปพระรูปอะไรก็ตามจึงเททองที่เป็นน้ำน่ะลงในเบ้า ในรูปพระพุทธรูป
คำว่า "หุงต้ม" จนกระทั่ง "ทองเปื่อย" นี่ล่ะที่ว่าจิตใจของคนเราเมื่อมันไม่เปื่อยเหมือนทองมันก็รวมลงไปไม่ได้ทองไม่เปื่อยเอาไปเทลงเบ้ามันก็ไม่เป็นพระเป็นรูปได้ฉันใดการเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานของนักปฏิบัติ
กิเลสราคะมันยังไม่เปื่อย กิเลสโทสะยังไม่เปื่อย กิเลสโมหะยังไม่เปื่อย ความอยากได้อยากมีอยากเป็นในจิตใจนั้น มันยังไม่เปื่อยไม่พังไม่ละลายเป็นทอง ไม่ละลายเป็นน้ำมันยังเป็นตัวกูของกู เป็นตัวเราเป็นของเรา เป็นตัวข้าเป็นของข้า หน้าของข้า ตาของข้า ตัวของข้า มันไม่เห็นแจ้ง เมื่อไม่เห็นแจ้งมันไม่ละลาย "สมมติ" เหล่านี้ มันก็เหมือนทองไม่เปื่อย หล่อพระทองไม่เปื่อยอย่างนั้นเทลงเบ้าก็ไม่ได้เรื่อง..."
พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
.............................
ขอบคุณข้อมูลจาก "ลานะรรมจักร"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี