ชาวบ้านสาละวินวอนรัฐบาลผ่อนปรนแล่นเรือขนสินค้าสัปดาห์ละครั้ง เผยเดือดร้อนกันหนักไร้เส้นทางคมนาคม-ขนส่ง หวั่นผู้พักพิงนับพันอดอาหาร-ขาดยารักษาโรค
12 เมษายน 2563 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมาตการปิดด่านและห้ามเรือวิ่งในแม่น้ำสาละวิน ตามคำสั่งของรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นทางคมนาคมหลักสายเดียวที่ชาวบ้านใช้เชื่อมต่อกัน เนื่องจากไม่มีทางรถยนต์ที่เดินทางไปถึงทุกหมู่บ้าน รวมถึงการข้ามฝั่งไปยังรัฐกะเหรี่ยง เพื่อไปมาหาสู่กันเนื่องจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองฟากต่างเป็นญาติพี่น้องกัน เมื่อปิดตายทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด โดยที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แม่สามแลบ ได้มีข้อเสนอให้ผ่อนปรนบ้าง เพราะชาวบ้านต้องการข้าวสาร ที่สำคัญคือเมื่อเกิดการเจ็บป่วยในกรณีฉุกเฉินที่ต้องไปโรงพยาบาล หากไม่มีเส้นทางเรือก็จะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางได้
นายพงษ์พิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลนั้น ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนแทบจะไม่รับรู้มาก่อน บางส่วนที่รู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงบริการเหลานั้น เพราะไม่รู้หนังสือและไม่สามารถกรอกข้อมูลในระบบออนไลน์ได้ดังนั้นทุกวันนี้จึงต้องอยู่กันตามมีตามเกิด ซึ่งจริงๆแล้วรัฐบาลสามารถสนับสนุนช่วยเหลือได้หลายช่องทาง เช่น กรณีของชาวบ้านที่รับจ้างขับเรือ ขณะเดียวกันมีชาวบ้านจำนวนมากยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาสถานะบุคคล อย่างไรก็ตามแม้แต่ชาวบ้านที่มีสัญชาติไทย ตอนนี้ก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
“ที่น่าเป็นห่วงคือเหล่าผู้อพยพในค่ายอิตุท่า ฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ที่ผ่านมาเข้าใช้เส้นทางแม่น้ำสาละวินลำเลียงอาหาร และเวชภัณฑ์ต่างๆ จากฝั่งไทย ตอนนี้คนนับพันกำลังอดข้าวอยู่ในศูนย์ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านฝั่งไทยก็ส่งข้าวสารให้แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว” นายพงษ์พิพัฒน์ กล่าว
นายเดเด ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยง กล่าวว่าขณะนี้ผู้พลัดถิ่น(IDP) ในรัฐกะเหรี่ยงที่หนีจากการสู้รบกับกองทัพพม่า อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราว 2 แห่ง ริมแม่น้ำสาละวิน ฝั่งตรงกันข้ามกับ จ.แม่ฮ่องสอน ได้แก่ค่ายอิตุท่า และค่ายอูแวโกล ซึ่งมีผู้พลัดถิ่นอาศัยอยู่จำนวนหลายพันคน กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนข้าว อาหารแห้ง ยาและอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมาใช้สินค้าจากฝั่งไทยทั้งหมด โดยผู้พลัดถิ่นได้หาหัวบุก ใบตองตึงสำหรับมุงหลังคา ส่งขายผ่านจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ เป็นรายได้เพื่อซื้อข้าวสาร แต่เวลานี้ไม่สามารถเดินเรือได้ เนื่องจากคำสั่งของทางการไทยที่ห้ามให้เรือวิ่ง โดยชาวบ้านพยายามที่จะขอผ่อนปรนกับอำเภอสบเมย ให้เดินเรือได้บ้าง เช่น สัปดาห์ละหนึ่งวัน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ
ชาวบ้านรายหนึ่งที่มีอาชีพขับเรือในแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าผลจากการปิดจุดผ่อนปรน ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ทำให้ต้องหยุดการเดินเรือในแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าไปยังฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันมานานนับเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว โดยชาวบ้านซึ่งเคยขับเรือ ค้าขาย และรับจ้างต่างๆ เวลานี้ไม่มีงานทำและสูญเสียรายได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูแล้งทำให้หาอาหารจากแหล่งธรรมชาติได้ยากขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีที่ทำกิน
“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ก็ปิดเงียบหมด ข้าวที่มีก็น้อยลงทุกที ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไรหากเป็นแบบนี้ไป อีกสองอาทิตย์ข้าวหมดจะเอาอะไรกินก็ยังไม่รู้” ชาวบ้านรายเดิมกล่าว
นางสาวหอม กรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน (ชายแดนไทย) กล่าวว่าสำหรับกลุ่มผู้พลัดถิ่นในรัฐฉาน ที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง ติดกับชายแดนไทย ทั้งหมด 6 แห่ง ตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย มีชาวบ้านประมาณ 6,200คน ซึ่งไม่มีการช่วยเหลือหรือบริจาคจากหน่วยงานสากลมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ทีผ่านมาผู้พลัดถิ่นได้อยู่ตามมีตามเกิด พยายามปลูกเห็ด ปลูกผัก รับจ้าง เท่าที่ทำได้ การที่ด่านผ่อนปรนปิดลง ความลำบากมากที่สุดคือเรื่องอาหาร ซึ่งคณะกรรมการพยายามระดมและส่งข้าวสารให้ปีละ 2 ครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์โควิด ด่านปิด ชาวบ้านไม่สามารถข้ามแดนมารับจ้างได้
“เมื่อไม่มีข้าวสาร ยิ่งลำบาก บนดอยไตแลง มีผู้พลัดถิ่นราว 2,000คน ปกติซื้ออาหารจากฝั่งไทย ตั้งแต่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาด่านปิดไม่ให้บุคคลเข้า-ออก แต่ก็ยังดีที่สามารถผ่อนปรนให้ส่งสินค้าที่หน้าด่านได้สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ที่ค่ายผู้พลัดถิ่นทุกแห่ง รอบๆ ค่ายมีกองทัพว้าเข้ามาสร้างฐานประชิด และยึดพื้นที่ทำกินเดิมของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถออกไปปลูกผัก ทำสวนได้ เนื่องจากกลัวทหารว้า ความปลอดภัยไม่มี ผลผลิตก็ไม่มี อีกปัญหาคือ การส่งผู้ป่วย ปกติหากเจ็บป่วยรุนแรงจะข้ามมารักษาฝั่งไทย แต่เวลานี้เคสฉุกเฉินใดๆ ก็ตามไม่สามารถเข้าได้ มีกรณีเดียวที่ได้รับการอนุโลมคือ คลอดลูกเมื่อวานนี้” นักสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี