“เมษายน” สำหรับคนไทยแล้วเดือนนี้มีความสำคัญเพราะมีเทศกาล “สงกรานต์” ปีใหม่ไทยที่ผู้คนจะเดินทางกลับไปรวมญาติสนิทมิตรสหายในภูมิลำเนา ช่วงเช้าผู้คนจะไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ จากนั้นช่วงบ่ายไปจนถึงเย็น ตามท้องถนนในชุมชนจะเต็มไปด้วยฝูงชนออกมาเล่นสาดน้ำประแป้งอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมีการกินเลี้ยงสังสรรค์ ผ่อนคลายความเครียดก่อนจะกลับไปสู้ชีวิตกันใหม่
นอกจากนี้ “สงกรานต์ยุคใหม่ยังมีคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจ” ด้วยความที่กิจกรรมการสาดน้ำประแป้งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงขนาดที่สื่อต่างชาติหลายสำนักระบุให้เป็น “หนึ่งในเทศกาลที่ควรไปร่วมให้ได้สักครั้งในชีวิต” สถานที่เล่นสาดน้ำจากเดิมที่เป็นที่รู้กันในหมู่คนไทย ถูกโหมประโคมข่าวเพื่อเชื้อเชิญให้คนต่างเมืองต่างแดนไปเยี่ยมเยือน ทำให้สงกรานต์แต่ละปีไทยมีเม็ดเงินสะพัดรวมกันนับหมื่นล้านบาท
แต่แล้ว “ปีใหม่ไทย 2563 ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม”เมื่อโลกเข้าสู่วิกฤติจากการระบาดของไวรัสมรณะ “โควิด-19(COVID-19)” ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ เลือกใช้นโยบาย “ลดการพบปะของผู้คนให้น้อยที่สุด” การเดินทางการท่องเที่ยว กิจกรรมสันทนาการงานรื่นเริง ถูกสั่งงดทั้งหมดเพื่อสกัดการระบาดของโรคร้าย บรรยากาศสงกรานต์ปีนี้ของไทยจึงเงียบเหงาไปโดยปริยาย อีกทั้งหลายคนคงไม่มีจิตใจจะมาสนุกสนานอะไรได้ เพราะการสั่งงดข้างต้น ทำให้อาชีพที่ต้องพึ่งพากิจกรรมเหล่านั้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก รายรับที่เคยได้มลายหายไปแทบหมดสิ้น
15 เม.ย. 2563 วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ทีมงาน “สกู๊ปแนวหน้า” ตระเวนไปตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่ปกติจะรู้กันว่ามีการรวมตัวเล่นสาดน้ำอย่างสนุกสนาน รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถานบริการไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง ร้านนวด ร้านอาหาร เริ่มจาก “ถนนข้าวสาร”ในเวลาประมาณ 11.00 น. พบว่า ตลอดถนนแทบว่างเปล่าไร้ผู้คน ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดทำการ มีเพียงรถยนต์จอดและมีกองวัสดุก่อสร้างจากโครงการปรับปรุงพื้นที่วางกองอยู่เท่านั้น
“ธนา” ชายวัย 53 ปี ชาวกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารแห่งหนึ่งในย่านถนนข้าวสาร เล่าว่า ในปีก่อนๆ ถนนข้าวสารจะมีผู้คนเข้ามาเล่นสาดน้ำ
อย่างเนืองแน่นตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่า “ถนนข้าวสารเงียบมาตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. 2563” หรือช่วงที่ทาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกประกาศสั่งปิดสถานบันเทิงในวันที่ 18 มี.ค. 2563 และเพิ่มเติมให้ปิดร้านค้าอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น เหลือเพียงร้านอาหารที่อนุญาตเฉพาะซื้อไปรับประทานที่อื่น ในวันที่ 22 มี.ค. 2563
เมื่อถามต่อไปว่า “คิดเห็นอย่างไรหากรัฐบาลจะต่ออายุ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. 2563 ออกไปอีก” หนุ่มใหญ่ รปภ. รายนี้ กล่าวว่า “รับได้หากเป็นไปเพื่อป้องกันการระบาดของโรค อย่างน้อยประเทศไทยก็ยังไม่มีคนตายเพราะ
โควิด-19 มากเท่ายุโรปหรือสหรัฐอเมริกา” ทั้งนี้โดยส่วนตัวค่อนข้างโชคดีเพราะผู้ว่าจ้างยังคงจ้างให้ทำงานอยู่ แม้จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการรับเงินเดือนเป็นค่าแรงรายวันก็ตาม รวมถึงยังมีเงินเยียวยาจากประกันสังคม
แต่สำหรับแรงงานนอกระบบ การที่กิจกรรมต่างๆ หายไป ย่อมกระทบต่อปากท้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ส่ง” หนุ่มใหญ่วัย 51 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด อาชีพขับรถสามล้อเครื่อง (ตุ๊กตุ๊ก) เล่าว่า ประจำอยู่บริเวณถนนข้าวสารมา 4-5 ปี หากเป็นช่วงสงกรานต์ปีก่อนๆ สามารถทำรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท จากผู้โดยสารที่มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ กระทั่งในปี 2563 เมื่อเริ่มมีข่าวไวรัสโควิด-19 ระบาด รายได้ก็เริ่มลดลง และกระทบอย่างหนักจริงๆ ในช่วงที่ กทม. สั่งปิดสถานที่ต่างๆ ถึงขนาดที่บางวันออกมานั่งทั้งวันก็ยังไม่ได้ลูกค้าแม้แต่รายเดียว
“อยู่บ้านมันก็อยู่เฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร เราออกมาเผื่อเราได้บ้าง ถามว่ากลัวไหมเรื่องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกหลัง 30 เมษาฯ ก็ธรรมดา ไม่กลัว แต่เราก็ทำมาหากินไม่ได้ นี่ก็มาเฉยๆ เดี๋ยวก็วิ่งรถกลับ ที่มานั่งรอนี่ก็เจอแต่คนมารับแจกข้าวที่กองกษาปณ์ (พิพิธภัณฑ์เหรียญและหน่วยจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ กรมธนารักษ์) เพราะไม่มีสตางค์ ได้ลงทะเบียนรับ 5,000 บาท (โครงการเราไม่ทิ้งกัน) แต่ยังไม่ได้ ลงไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่เปิดรับสมัครยังไม่ตัดสิทธิ์ รอการตรวจสอบ ก็รออยู่อย่างนี้ จะหมดเดือนแล้วยังไม่มีสตางค์สักบาท” พี่ส่ง ระบุ
จากถนนข้าวสาร ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง “ถนนสีลม” ในเวลาประมาณ 13.00 น. หากเป็นช่วงเวลาปกติ วันสุดท้ายของเทศกาลจะต้องมีผู้คนเล่นสาดน้ำกันเต็ม
ท้องถนนชนิดที่เบียดเสียดจนแทบเดินไม่ได้ แต่ปีนี้ถนนสีลมมีบรรยากาศไม่ต่างจากถนนเส้นอื่นๆ บริษัทห้างร้านที่ไม่ถูกสั่งปิดยังคงเปิดทำงานและหนุ่ม-สาวออฟฟิศก็ยังคงมาทำงาน รถราก็ยังแล่นขวักไขว่ ซึ่ง “เตี้ย” ชายวัย 58 ปี ชาว จ.ขอนแก่น อาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ยอมรับว่า รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันกับบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยของถนนสีลมในช่วงวันสงกรานต์ปีนี้
แต่ความเงียบเหงาจากการไม่มีคนเล่นสาดน้ำ ยังไม่เท่าผลกระทบจากการปิดบันเทิงต่างๆ “จากเดิมมีรายได้เฉลี่ยวันละ 300-500 บาท ปัจจุบันได้ถึง 100 บาทก็ถือว่ามากแล้ว” แต่โชคดีที่ลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาทผ่าน จึงยังพอมีเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง “เครียดเหมือนกันหากมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปหลังวันที่ 30 เม.ย. 2563 เพราะไม่รู้ว่าจะทำมาหากินอย่างไร” อีกทั้งจะกลับบ้านเกิดก็กลับไม่ได้ เพราะกลับไปก็ถูกกักตัวอีก 14 วัน อยู่ดี
อีกจุดหนึ่งที่ผู้คนนิยมไปเล่นสาดน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ในทุกปี“ลาดพร้าว-โชคชัย 4” และแน่นอนปีนี้ก็เป็นปีที่เงียบเหงาจากวิกฤติโรคระบาด “พงษ์” หนุ่มใหญ่วัย 58 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ อาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ยอมรับว่ารู้สึกไม่คุ้นเหมือนกัน แต่หากถามถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจก็เจอมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. 2563แล้ว “เมื่อมีการปิดสถานที่ต่างๆ จำนวนคนที่ออกจากบ้านไปทำงานก็น้อยลง จากเดิมมีรายได้วิ่งรถตลอดทั้งวันเฉลี่ย 500-700 บาท ทุกวันนี้เหลือไม่ถึงวันละ 100 บาท” โดยเฉพาะช่วงเช้าเดิมจะมีผู้โดยสารจำนวนมาก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 สื่อญี่ปุ่นเจ้าดังอย่าง Nikkei Asian Review เสนอข่าว Coronavirus threatens Thailand’s Songkran festival อ้างแนวคิดของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางแผนจัดงานสงกรานต์ประจำปี 2563 ในเดือน ก.ค. 2563 เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่อีกด้านหนึ่ง วันที่ 13 เม.ย. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “ปีหน้ารดให้เปียกเลยนะ อาบเลยก็ได้ปีหน้าเอารถน้ำมาฉีดกันเลย” จากที่ปีนี้ไม่สามารถเล่นสาดน้ำได้เพราะวิกฤติโรคระบาด
แต่เมื่อดูคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศ ที่ระบุว่าไวรัสโควิด-19 อยู่ในน้ำได้เป็นวัน และมนุษย์ควรรักษาระยะห่างระหว่างกัน (Social Distancing) จนกว่าจะค้นพบวัคซีน ก็ไม่รู้ว่าเทศกาลสงกรานต์รวมถึงกิจกรรมรื่นเริงสังสรรค์ต่างๆ จะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือไม่? เมื่อใด?
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี