ชาวบ้าน 2 อำเภอในพื้นที่รอยต่อ "ตรัง-นครศรีธรรมราช" พ้นวิกฤต “ไส้แห้ง” หลังปลัดกระทรวงมหาดไทยร่อนหนังสือถึงผู้ว่าฯห้ามนำสิ่งของขนาดใหญ่ปิดกั้นเส้นทางสัญจรสายทางรอง ขณะที่บริเวณถนนรอยต่อยังไม่พบเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คัดกรองผู้ใช้เส้นทางชาวบ้านรับได้ตั้งด่านคัดกรอง
วันที่ 8 พ.ค.63 รายงานข่าวจากจังหวัดตรังแจ้งว่า หลังจากที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศโดยมีคำสั่งมิให้มีการนำสิ่งของหรืออุปกรณ์ใหญ่ๆมาปิดเส้นทางสัญจรบริเวณถนนสายรองที่ประชาชนใช้เป็นเส้นทางเดินทางเป็นปกตินั้น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้บริเวณถนนสายรองเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดตรังกับจังหวัดนครศรีธรรมราช ทางจังหวัดตรังมีการนำลูกท่อปูนซิเมนต์ขนาดใหญ่มาปิดเส้นทางห้ามประชาชนสัญจผ่านอย่างเด็ดขาด เพื่อปฎิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยในเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยที่ชาวบ้านที่มีอาชีพเกษตรกรไม่สามารถขนส่งผลิตผลทางการเกษตรทั้ง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และไม้ยางพาราได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ชาวบ้านที่มีอาชีพรับจ้างกรีดยางระหว่างพื้นที่ไม่สามารถเดิทางไปกรีดยางได้ ทำให้ขาดรายได้ประสบกับความเดือดร้อนอย่างมาก
หลังจากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นชาวบ้านได้การร้องเรียนผ่านผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัด แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและช่วยเหลือแต่อย่างใด กระทั้งนายสาทิตย์ วงค์หนองเตย สส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างบ้านไสหาร หมู่1 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กับ บ้านนิคม ต.นิคม อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช พบปะชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดตรังกับ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นำไปสู่ผลสรุปคือให้ทางจังหวัดตรัง นำลูกท่อปูนซิเมนต์ออกจากถนนสายดังกล่าว พร้อมทั้งนำไปสู่การเปิดเส้นทางสายรองที่ปิดกั้นเขตรอยต่อพื้นที่จังหวัดตรังทั้ง 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ห้วยยอด อ.วังวิศษ อ.รัษฎา และ อ.สิเกา
ล่าสุดบรรยากาศบริเวณถนนสายรอง ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรังกับ ต.บ้านนิคม อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช และบริเวณถนนสายบ้านซา ต.บางดี อ.ห้วยยอด รอยต่อกับ บ้านนิคม อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรื้อถอนลูกท่อขนาดใหญ่ออกมาวางด้านข้างทั้ง 2ฝั่งสะพาน โดยนำแผงกั้นลดความเร็วพร้อมแผงเหล็กมาวางปิดกั้นให้รถวิ่งได้1ช่องจราจร แต่ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ลงมาดูแลบริเวณจุดดังกล่าวเพื่อเป็นการคัดกรองแต่อย่างใด ทำให้การใช้เส้นทางดังกล่าวเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรอย่างอิสระตลอด 24 ชม.
นายสังวร สังสุวรรณ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 3 ต.บ้านนิคม อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากที่ทางราชการได้เปิดใหใช้เส้นทางถนนสายรองให้สามารถเดินทางได้นั้น ชาวบ้านได้รับความสะดวกมากขึ้น คลายความกดดัน ที่ผ่านมาถนนสายดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านอำเภอบางขัน กับ ห้วยยอด ใช้กันเป็นส่วนมาก บุคคลภาบนอกไม่ค่อยจะใช้เส้นทางนี้สาเหตุน่าจะมาจากการไม่รู้เส้นทางหรือไม่ชำนาญเส้นทาง เมื่อมีการเปิดเส้นทางชาวบ้านจะได้มีความสะดวกมากขึ้นโดยเฉพาะชาวบ้านที่ทำงานระหว่างกันจะได้มีงานทำและรายได้ ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเมื่อเปิดใช้เส้นทางก็ดีใจ
ขณะที่นายเจริญ รักษ์ธรรม อายุ 60ปี บ้านเลขที่ 127หมุ่6 บ้านซา ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดตรังปิดถนนไม่มองถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านทั้ง 2 ตำบลเลย โดยตนมองว่าการปิดถนนด้วยการไม่ปิดตาย ตนเห็นด้วยและให้มีการคัดกรอง ดีกว่าเอาลูกท่อขนาดใหญ่มาวางปิดนั้นไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมาก ชาวบ้านที่ทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน รับจ้างกรีดยาง ได้รับความเดือดร้อนภาคราชการไม่มองจุดนี้ มาวันนี้มีการเปิดเส้นทางอย่างน้อยชาวบ้านก็จะได้ใช้ชีวิตตามปกติ มีรายได้บรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้างแม้ว่าจะไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังจากที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศมีคำสั่งห้ามจังหวัดปิดเส้นทางเข้าออกในพื้นที่ของจังหวัด ใช้วัสดุขนาดใหญ่ปิดกั้นเส้นทางคมนาคมสัญจรเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดและให้จัดให้มีจุดตรวจคัดกรองในบริเวณพื้นที่ที่มีคำสั่งปิดเส้นทางเข้าออกของจังหวัดให้ดำเนินการให้สอดรับกับข้อกำหนดปรากฎว่าบริเวณจุดที่มีการเปิดเส้นทางยังไม่มีการจัดเจ้าหน้าที่ลงในพื้นที่เพื่อคัดกรองผู้ใช้เส้นทางแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี