จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าสังคมไทยมีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับปัญหาโรคระบาดอันร้ายแรงนี้ ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิม สู่ยุคชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ที่คนไทยต่างตื่นตัวต่อการดูแลเรื่องสุขอนามัยของตนเองและการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่เรายังคงพบชีวิตวิถีใหม่บนพื้นฐานวัฒนธรรมเดิมในสังคมไทย ที่ปรากฎขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความเชื่อกับสังคมไทยเป็นของคู่กันมานาน ไม่ว่าจะเกิดปรากฎการณ์ใดก็ตาม เรามักจะเห็นความเชื่อต่างๆแฝงอยู่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังตัวอย่างเช่น ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่นนำต้นกะเพรามาแขวนไว้ที่หน้าบ้าน เพื่อเป็นการปัดเป่าโรคภัยต่างๆ โดยเฉพาะไวรัสโควิด-19 ซึ่งแต่เดิมบรรพบุรุษมีความเชื่อว่าในช่วงอหิวาตกโรคระบาด ชาวบ้านต่างหาต้นกะเพราโดยถอนมาทั้งต้นนำไปแขวนไว้ที่รั้วหรือหน้าบ้าน แขวนเอารากชี้ฟ้าเท่านั้น และด้วยกลิ่นที่ฉุนของกะเพรา เชื่อว่าสามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ลอยมาในอากาศได้ ในขณะที่บางจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำเสื้อสีแดงพร้อมด้วยหนามพุทรามาแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ตามความเชื่อว่าหนามพุทราจะสามารถป้องกันสิ่งร้ายได้
ทางด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ ชุมชนชาวเขาเผ่าม้งนำของขลังที่เรียกว่า “ไจ๋” ซึ่งทำจากไม้ไผ่สานขัดแตะกว้างราว 50 เซนติเมตร มีใบไม้เสียบไว้รวมทั้งมีผ้าแดงเป็นริ้วผูกติดกันมาแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ชาวบ้านเชื่อว่าสามารถปกป้องคนในครอบครัวไม่ให้ติดไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด อีกทั้งผู้คนในครอบครัวตั้งแต่เด็กทารกจนถึงคนชราก็จะมีผ้าแดงผูกติดข้อมือไว้ด้วย นอกจากนี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการปลุกเสกเครื่องรางของขลังตามวัดต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่อมใสและศรัทธาได้บูชาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ รวมถึงการจัดพิธีสวดมนต์รัตนสูตรเพื่อปัดเป่าภัยพิบัติ โรคร้าย และสร้างขวัญกำลังใจให้กับสังคมไทย ดังเช่นเมื่อครั้งประเทศไทยประสบกับวิกฤตโรคอหิวาตกโรคระบาดก็มีการจัดพิธีสวดมนต์นี้ขึ้นเช่นกัน
นอกจากวัฒนธรรมด้านความเชื่อแล้ว ภูมิปัญญาถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า คนไทยกินดี-อยู่ดี เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน ทำให้มีความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณออกฤทธิ์เป็นยา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น ฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ขิง ข่า ตะไคร้ มะขามป้อม เป็นต้น ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คนไทยเลือกรับประทานพืชสมุนไพรเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ถึงแม้ว่าพืชสมุนไพรเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์ว่าสามารถรักษาได้ก็ตาม ในช่วงที่หน้ากากอนามัยขาดแคลนและมีราคาสูง ภูมิปัญญาหน้ากากผ้าจึงเกิดขึ้นจากการนำผ้าไทย เช่น ผ้าขาวม้า ผ้าฝ้าย ผ้าไหม เป็นต้น มาตัดเย็บเป็นหน้ากากผ้าและใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย
นอกจากนี้เมื่ออุตสาหกรรมต่างๆ ชะงักตัวลงจากผลกระทบโควิด-19 จึงเกิดการรื้อฟื้นภูมิปัญญาในการแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้น ดังเช่น โครงการข้าวแลกปลา “จากดอยสู่เล”, “รถพุ่มพวง” รถขายกับข้าวและของใช้ โดยกลับมาเป็นที่นิยมในสังคมไทยอีกครั้ง, การนำตะกร้าผูกกับไม้เพื่อใช้ในการรับ-ส่ง สินค้า/เงิน เพื่อลดการสัมผัสกันและเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นต้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ปรากฏอย่างเห็นได้ชัดในสังคมไทยคือความมีน้ำใจและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรามักจะได้ยินประโยคนี้อยู่เสมอว่า “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ในยามวิกฤตที่คนไทยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่เราก็จะเห็นน้ำใจของคนไทยในสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็น “ตู้ปันสุข” ตู้ใส่สิ่งของสำหรับผู้ที่มี เพื่อแบ่งปันให้กับผู้ที่ขาด, การเปิดรับบริจาคเงิน/สิ่งของ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 หรือไม่เว้นแม้แต่พระภิกษุสงฆ์ที่นำอาหารออกบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน เป็นต้น
จากสถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรงในปัจจุบัน อาจทำให้การร่วมพิธีกรรมทางศาสนาต้องมีข้อจำกัดในการปฏิบัติมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง เช่น งดการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ การเวียนเทียนออนไลน์ในวันวิสาขบูชา และงดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ ท้องสนามหลวงในปีนี้เป็นการชั่วคราว
อย่างไรก็ตามการรักษาโรคโควิด-19 อาจเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และการแพทย์ แต่การรักษาสภาพของจิตใจในสังคมไทยนั้นอาจต้องอาศัยความเชื่ออันเป็นบ่อเกิดแห่งภูมิปัญญา และวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพราะเมื่อจิตใจเราดีและเข้มแข็งแล้ว เราก็สามารถดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีกำลังใจเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ได้อย่างไม่ยากเลย
เรียบเรียงโดย : อาจารย์ศิริพร อำไพลาภสุข อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี