เมื่อพูดถึงจังหวัดน่าน หลายคนคงนึกถึงธรรมชาติอันเงียบสงบ และอยากจะไปสัมผัสความโรแมนติกของขุนเขา แต่ถ้าพูดถึงวัด ก็คงนึกถึง “วัดภูมินทร์” เดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" เป็นวัดหลวง สร้างเมื่อปี พ.ศ.2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน มีความโดดเด่นตรงที่เป็นวัดทรงจตุรมุขที่เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธานในอาคารเดียวกัน
และมีการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา โดยมีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐ์ฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป ต่อมาปี พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี ซึ่งกรมศิลปากรสันนิษฐานว่าเป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุขแห่งแรกในประเทศไทย และการบูรณะครั้งนี้เป็นที่มาของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารวัดภูมินทร์
ด้วยความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ได้มีเรื่องเล่ากันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือก็ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนาตามที่ตั้งใจไว้
สำหรับภาพจิตรกรรม หรือ “ฮูบแต้ม” ที่ปรากฏอยู่บนผนังด้านในอุโบสถจัตุรมุขทั้งสี่ด้าน จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่แสดงถึงเรื่องราวและวิถีชีวิตตำนานพื้นบ้าน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพระเตมีราชชาดก และส่วนที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต เช่น การแต่งกายด้วยผ้าซิ่นลายน้ำไหล การทอผ้าด้วยกี่ทอมือ และการทำการค้ากับชาวต่างชาติ เป็นต้น
ส่วนภาพจิตกรรมฝาผนังที่โดดเด่นเป็นพิเศษในวัดภูมินทร์แห่งนี้ก็คือภาพ "เสียงกระซิบบันลือโลก" หรือภาพ "ปู่ม่าน ย่าม่าน" ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน เป็นภาพวาดของหนุ่มสาวที่มีความประณีตมาก โดยผู้ชายสักหมึกและผู้หญิงแต่งกายไทลื้ออย่างเต็มยศ ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ เพราะมีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆ คล้ายภาพสมัยใหม่ ซึ่งเป็นผลงานของ "หนานบัวผัน" หรือ ทิดบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ซึ่งตั้งชื่อภาพดังกล่าวตามเจตนารมณ์ด้วยการกำกับชื่อด้านบนของภาพว่า "ปู่ม่านย่าม่าน"
โดยมีความเชื่อว่า ถ้าหากคู่รักใดมาบอกรักขอพรต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน” จะทำให้มีความรักยืนยงยาวนาน และมีความมั่นคง มั่งคั่งในชีวิตรักหรือชีวิตสมรสอีกด้วย ซึ่งการขอพรนั้น “คู่รักฝ่ายชาย” จะต้องจำประโยคบอกรักที่สำคัญ ซึ่งแต่งและแปลโดย อาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม เป็นภาษาถิ่นพายัพ (ภาษาเหนือ) ไปพูดกระซิบบอกคนรักต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน” ว่า…
คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…
ซึ่งแปลว่า “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะแย่งความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
โดยก่อนขอพร คู่รักต้องไปทำการลอด “ซุ้มพญานาคคู่ขวัญ” ที่มีอายุกว่า 400 ปีทางด้านหน้าอุโบสถเสียก่อน ซึ่งซุ้มพญานาคดังกล่าว เป็นพญานาคคู่ตัวผู้และตัวเมียที่ครองรักกัน ดังนั้น คู่รักต้องลอดเดินวนทวนเข็มนาฬิกาสามรอบ แล้วค่อยมาขอพรจาก “ปู่ม่านย่าม่าน” ความรักถึงจะยั่งยืนนาน
เพราะมีความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมาว่า หากต้องการครองรักกันยืนนาน หรือ ต้องการชายใด หญิงใดเป็นคู่สามี ภรรยา ให้ชวนกันมาลอดซุ้มพญานาคที่วัดภูมินทร์แห่งนี้ หรือคู่รักใดที่เริ่มระหองระแหง รักไม่ค่อยมั่นคง ก็ให้ชวนกันมาเดินลอดใต้ซุ้มนี้เช่นกัน ซึ่งหลายคู่ได้ครองรักกันยืนนาน และอีกหลายๆ คู่จากไม่ค่อยรักกันก็กลับมารักกันเหมือนเดิม
ขณะที่ "ช่องประตูโขง" ใต้ท้องพญานาค เชื่อกันว่า หากใครได้ลอดผ่านแล้วจะมีความสวัสดีในชีวิต หากเป็นคนต่างถิ่นจะได้กลับมาเยือนเมืองน่านอีกครั้ง ทางด้านบริเวณวัดจะมี "สถูปเจดีย์พระมาลัยโปรดโลก" ภายในก็จะเป็นรูปปั้นจำลองนรก สำหรับคนที่ทำบาปว่าจะได้รับผลกรรมเช่นไร เพื่อเป็นการย้ำเตือนใจ สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดน่าน อย่าลืมไปสัมผัสกับ "ตำนานรักบันลือโลกปู่ม่าน ย่าม่าน" แห่งวัดภูมินทร์แห่งนี้
นอกจากนี้วัดภูมินทร์เคยอยู่บนธนบัตรราคา 1 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรในแบบ 5 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2485 ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 8 และมีโบสถ์วัดภูมินทร์อยู่ทางด้านซ้ายของธนบัตร
การเดินทางไปวัดภูมินทร์ จากทางหลวงหมายเลข 1080 เข้าสู่ตัวเมืองน่าน ตามถนนมหายศ เมื่อผ่านวัดสวนตาล แยกขวาเข้าถนนผากอง ผ่าน เทศบาลเมืองน่าน วัดภูมินทร์อยู่ทางด้าน ขวามือ
ขอบคุณภาพจาก wikipedia
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี