เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหอการค้าจังหวัดนครพนม ตลอดจนมหาวิทยาลัยนครพนม และศึกษาธิการฯ ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับมะพร้าว (มะพร้าวใหญ่หรือมะพร้าวที่นำมาทำกะทิ มะพร้าวน้ำหอม) ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย
โดยลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดศรีเมือง ซึ่งเป็นตลาดกลางผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย, โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปมะพร้าวขนาดใหญ่ของประเทศ, สวนมะพร้าวน้ำหอม อ.บางแพ จ.ราชบุรี ที่เป็นสวนขนาดใหญ่ 270 กว่าไร่, ศูนย์ส่งออกผลไม้ปลอดภัย อ.บางแพ ที่สามารถส่งออกมะพร้าวน้ำหอมไปหลายสิบประเทศ ฯลฯ ซึ่งเป็นการพาไปดูสถานประกอบกิจการที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ
เพื่อให้เห็นถึงรูปแบบความสำเร็จหลายประเภทกิจการ สามารถที่จะนำไปเป็นต้นแบบของการเพาะปลูก เพื่อการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่มีตลาดรองรับแน่นอน ได้ราคาที่ดีเป็นธรรม ให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจในการส่งเสริมการปลูกมะพร้าว ผักปลอดสารพิษ รวมทั้งพืชเศรษฐกิจ เช่น ขนุนพันธุ์สามร้อยยอด มะม่วงพันธุ์แก้วเขมรหรือแก้วขมิ้น เพื่อไปร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชชนิดใหม่ที่จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สร้างความร่ำรวย สร้างเศรษฐกิจที่มั่งคั่งแก่ชาวนครพนมต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
ทีมคณะเดินทางที่มาศึกษาดูงาน ทึ่งมากกับชาวจังหวัดราชบุรีที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ โดยเฉพาะการทำการเกษตร จัดได้ว่าเป็นเกษตรกรหรือเป็นผู้ประกอบการที่ร่ำรวย ทั้งรายเล็กรายน้อยก็สามารถส่งออกผลิตผลไปต่างประเทศได้หมด
อีกทั้งยังมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในยุค Covid 19 ที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ประสบปัญหาด้านธุรกิจ ด้านการส่งออก ทุกคนที่มาศึกษาดูงานจึงเห็นช่องทางรวยจากการปลูกพืชชนิดใหม่ ที่รอบเร็ว ทำรายได้ปีละหลาย ๆ ครั้ง มีตลาดรองรับไม่จำกัด เพราะสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลก การันตีความปลอดภัยทั้งเกษตร และผู้บริโภค ทำรายได้ดีอย่างมั่นคง และเป็นการศึกษาดูงานปราศจากเดินช๊อปปิ้ง ทุกคนต่างมุ่งมั่นลุยงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ คุ้มค่าต่อเวลาที่ต้องเสียไป โดยมีเจตนาแน่วแน่ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆของเกษตรกรชาวจังหวัดนครพนม คือ ทำเกษตรที่ขาดทุนมากกว่ากำไรแทบทุกปี กลายเป็นเกษตรกรที่มีหนี้แล้วหนี้อีกไม่มีวันสิ้นสุด จึงมุ่งมั่นที่จะช่วยกันขยายแนวความคิดไปยังเกษตรกรชาวนครพนมโดยรวม
ในการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน คณะได้เข้าเยี่ยมชม "สวนมะพร้าวน้ำหอมเชาว์-อารีย์" ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ โดยมีเจ้าของสวนนายปิติวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว หรือ "เฮียตึ๋ง" อดีตวิศวกร กระทรวงอุตสาหกรรมและอาจารย์พิเศษ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ ที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรสวนมะพร้าวน้ำหอมอย่างเต็มตัวบนเนื้อที่จำนวน 270 ไร่
เฮียตึ๋ง เปิดเผยรายละเอียดว่าพื้นเพเดิมเป็นคน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจบการศึกษา ได้ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงหลายแห่งใน กทม. ด้วยบรรพบุรุษคือคุณพ่อคุณแม่มีอาชีพปลูกมะพร้าวมาแต่เดิม ภายหลังได้มรดกเป็นสวนมะพร้าวเนื้อที่ 64 ไร่ ดังนั้น การเดินทางไปดูแลสวนมะพร้าวที่ อ.ทับสะแก จึงกลายเป็นเรื่องลำบาก
ประกอบกับที่ตนมีที่พักอยู่ในจังหวัดราชบุรี เห็นมีการปลูกมะพร้าวน้ำหอมหลายแห่ง จึงศึกษาวิธีการปลูกมะพร้าวน้ำหอมอย่างลงลึกและจริงจัง ทราบว่ามีอนาคตไกลและยั่งยืน เพราะมีผู้นิยมบริโภคทั่วโลก จึงขายสวนมะพร้าวมรดกพ่อแม่เป็นเงิน 20 ล้านบาท นำเงินมาซื้อที่ดินบริเวณนี้ในราคาไร่ละ 250,000 บาท แต่เป็นการทยอยซื้อจนปัจจุบันมีทั้งสิ้น 270 ไร่ ลงแปลงปลูกมะพร้าวน้ำหอมเต็มพื้นที่ ใช้เวลาฟูมฟักประมาณ 3 ปี สามารถตัดผลผลิตขายตลาดกลาง สร้างรายได้เดือนละหลายแสนบาท
นอกจากนี้ เฮียตึ๋ง ยังมีวิธีการใช้วิชีวิตร่วมกับเกษตรกรรายอื่นๆ ด้วยการอนุญาตให้ชาวบ้านมาทำเกษตรในบริเวณสวนโดยที่ไม่เก็บค่าเช่า แต่ให้ผู้ที่มาขอใช้พื้นที่ดูแลสวนมะพร้าวให้กับตนเอง เป็นแนวคิดในการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เจ้าของสวนก็ไม่ต้องจ้างคนดูแล ผู้ที่มาทำการเกษตรภายในสวนก็ไม่ต้องเช่าพื้นที่ทำการเกษตร อีกทั้งเฮียตึ๋งยังให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการดินและน้ำให้เหมาะสมกับการเกษตรนั้นๆ และพร้อมจะมาให้รายละเอียดแก่เกษตรกรชาวจังหวัดนครพนม ในการปลูกมะพร้าวน้ำหอมอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี