เมื่อพูดถึง “ปัญหาความยากจนในประเทศไทย” คนกลุ่มแรกๆ ที่มักถูกยกเป็นตัวอย่างคือ “เกษตรกร” โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญปัญหาดังกล่าวคือ “การไม่มีที่ดินทำกิน” ซึ่งส่วนหนึ่งเคยมีชุมชนอยู่อาศัยสืบต่อรุ่นสู่รุ่น กระทั่งวันดีคืนดีภาครัฐประกาศพื้นที่หวงห้ามทำให้กลายเป็นผู้อาศัยอย่างผิดกฎหมายทั้งที่รัฐควรเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าชุมชนอยู่มาก่อนจริงหรือไม่มิใช่ประกาศไปก่อนแล้วให้ประชาชนมาต่อสู้เรียกร้องภายหลัง
เมื่อเร็วๆ นี้ สมัชชาคนจน ร่วมกับ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญคนจน ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นความพยายามรวบรวมข้อเสนอจากประชาชนทั่วทุกภาคของไทย ที่ผ่านมามีการจัดไปแล้ว 2 ครั้ง โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ จ.ขอนแก่น กับภาคเหนือตอนบนคือ จ.เชียงใหม่ ส่วนครั้งล่าสุดนี้ ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก อยู่ในส่วนภาคเหนือตอนล่าง
ผศ.ดร.รัดเกล้า เปรมประสิทธิ์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า เท่าที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ทุกคนอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน “คนไทยยากจนแน่นอนหากยังเข้าไม่ถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม” ตราบใดที่ภาครัฐยังไม่กระจายอำนาจที่เกี่ยวข้องกับสิทธิชุมชนโดยเฉพาะในชนบทก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้
แต่ขณะเดียวกัน “ประชาชนก็ต้องเรียนรู้เช่นกันว่าจะใช้ทรัพยากรที่มีอย่างยั่งยืนได้อย่างไร” เพราะภาครัฐยังไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของชุมชนจึงไม่ยอมกระจายอำนาจให้กับประชาชน เช่น ที่ดิน เรื่องนี้มีการขับเคลื่อนมานานหลายสิบปีแต่วันนี้ก็ยังคงไม่รู้ว่าจะมีการแก้ไขนโยบายที่เอื้อต่อสิทธิชุมชนหรือไม่ อาทิ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่เป็นกลไกข้อตกลงระหว่างรัฐกับประชาชน ก็มีคำถามว่า หากระยะเวลาครบกำหนดตามที่ตกลงกันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ประชาชนจะยังได้ใช้ประโยชน์ที่ดินต่อไปหรือไม่
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ประเทศไทยยังแก้ปัญหาที่ดินหรือสิทธิทำกินไม่ได้ การหลุดพ้นความยากจนโดยเฉพาะของพี่น้องบนพื้นที่สูง พื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ก็ยังคงยากจนต่อไป เพราะอะไร? เพราะพี่น้องจะไม่ค่อยอยากปลูกป่าสักเท่าไหร่ กลัวว่าปลูกแล้วเขาจะเอาพื้นที่ทำกินของเรากลับคืน ยังไม่สามารถทำระบบวนเกษตรได้ เพราะปลูกไปแล้วตัดขายไม่ได้อีกเพราะไม่มีเอกสารสิทธิเป็นต้นฉบับต้นขั้วของที่ทำกิน ถ้าเราทำระบบวนเกษตรได้เราสามารถมีรายได้จากไม้ยืนต้นต่างๆ
ระบบวนเกษตรเริ่มทำพืชตั้งแต่เก็บเกี่ยวพืชปีที่ 1 2 3 จนถึงพืชระยะยาว เขาเรียกว่าปลูกแบบหลากหลาย ผืนป่าก็กลับคืนมาได้ รายได้ก็กลับคืนมาได้ นี่คือตัวอย่าง (Model) ที่นักวิชาการศึกษามาเยอะมาก บอกภาครัฐจนไม่รู้จะบอกอย่างไรแล้ว แต่ยังไม่ถูกขับเคลื่อนเพราะมันไปติดที่กฎหมาย คำว่ารัฐธรรมนูญคือกฎหมายแม่ วันนี้เราอยากจะขับเคลื่อนกฎหมายแม่หลายเรื่อง ฉะนั้นโดยหลักการขับเคลื่อนกฎหมายแม่หรือจะแก้กฎหมายแม่ การกระจายอำนาจในการเข้าถึงทรัพยากรเป็นหัวใจสำคัญมากๆ” อาจารย์รัดเกล้า ยกตัวอย่าง
เสียงสะท้อนจากภาคประชาชน อาทิ สาคร สงมาผู้ประสานงานมูลนิธิคนเพียงไพร ยกตัวอย่างกฎหมายใหม่2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ที่เพิ่งครบกำหนด 240 วันไปเมื่อเดือน ก.ค. 2563 ในการสำรวจการถือครองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าหรืออุทยานแห่งชาติ ทำให้หลังจากนี้ ไม่ว่าชุมชนจะอยู่มานานเท่าใดก็ตามถือว่าผิดกฎหมายทั้งสิ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประชาชนพยายามรวบรวมรายชื่อเพื่อแก้ไขกฎหมาย แต่เมื่อกฎหมายออกมาบังคับใช้หน้าตากลับไม่เหมือนที่ประชาชนอยากได้ ปัญหานี้จะแก้ไขอย่างไร
กาญจนาณัฐ อู่ทรัพย์ ตัวแทนสมัชชาคนจนเครือข่ายที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า เมื่อประชาชนจะออกไปเรียกร้องสิทธิของตนเอง หากฝ่ายความมั่นคงรู้ก็จะมีการส่งคนมาซักถามเชิงข่มขู่ เช่น จะไปชุมนุมที่ไหน เมื่อใด แล้วรู้หรือไม่ว่าไปแล้วไม่ปลอดภัย อาจถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือไปกดดันผ่านผู้นำชุมชนว่ามีคนในพื้นที่จะไปชุมนุม ขณะที่ชาวบ้านเองก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานของรัฐประกาศพื้นที่หวงห้าม ดังนั้นแม้จะอยู่มานานเท่าใดกี่รุ่นกี่ชั่วอายุคน ก็มีโอกาสถูกไล่รื้อได้ทั้งสิ้นแม้จะพยายามยกหลักฐานขึ้นมาต่อสู้ก็ตาม
“เขาไม่ยอมรับสิทธิ์ของพวกเรา เราเอาอะไรไปนำเสนอรัฐก็ไม่รับฟัง พยายามหาข้อเฉไฉให้ได้ ทั้งๆ ที่เราถูกแต่ก็จะพยายามให้เราผิด รัฐธรรมนูญต้องฟังเสียงชาวบ้านให้มากกว่า เพราะข้าราชการนั่งอยู่บนโต๊ะในห้องแอร์ เขาไม่รู้หรอกว่าปัญหาชาวบ้านจริงๆ มันคืออะไร จะเสนอสิทธิเสรีภาพของพวกเราคนไทย ให้รับฟังเสียงเรามากกว่านี้ มากกว่าที่เป็นทุกวันนี้ ความเป็นมนุษย์มันต้องเท่าเทียมกัน
ถ้าพิสูจน์ได้ก็ต้องคืนสิทธิ์ให้พวกเรา ต้องยอมรับกระบวนการของชาวบ้าน เพราะกระบวนการของชาวบ้านมันก็ยากเย็นเข็ญใจ เขาไม่มีหลักฐานจริงๆ เขาก็ไม่สามารถจะเอามานำเสนอได้ แล้วหลักฐานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น สค. หลักฐานการเกิด-การตาย ชาวบ้านเขาไม่มีปัญญาทำเอง หน่วยงานราชการเป็นคนทำขึ้นทั้งนั้น ก็ต้องรับฟังตรงนี้เป็นหลัก” กาญจนาณัฐ กล่าว
เสน่ห์ ทองคำ ชาวชุมชนพันชาลีอ.วังทอง จ.พิษณุโลก เล่าว่า ชุมชนนั้นมีมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 แต่ต่อมาในปี 2509 ภาครัฐไปประกาศพื้นที่ป่าสงวน และประมาณปี 2512-2513 มีนายทุนได้รับสัมปทานป่าไม้ แม้ป่านั้นจะเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านก็ตาม “ที่น่าสะเทือนใจคือในขณะที่นายทุนจะตัดไม้มากเท่าใดอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อชาวบ้านจะรวบรวมไม้ไปใช้เพียงปลูกบ้านอยู่อาศัยเองกลับถูกจับ” และปัญหานี้ยังดำรงมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ “การที่ต้องติดต่อหลายกระทรวงยังทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับความสะดวก” เช่น ชุมชนต้องการขุดบ่อน้ำเพื่อทำการเกษตร แม้ได้งบประมาณจากกรมที่ดิน ผ่านสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดมาแล้วแต่หากกรมป่าไม้ไม่อนุญาตก็ไม่สามารถขุดได้ อีกทั้ง “เมื่อรัฐบาลมีโครงการอาชีพเสริม อาทิ การเลี้ยงวัวชาวบ้านก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ” ทำให้การทำมาหากินเป็นไปอย่างยากลำบากแทนที่จะมีอาชีพอื่นชดเชยในยามที่การเพาะปลูกได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
“อยากให้แก้ไขเรื่องกฎหมายป่าไม้ที่ดินทำกินต่างๆ ถ้ากฎหมายของป่าไม้เอื้อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้ในป่าไม้ ไม่สร้างเงื่อนไขทางสังคมระหว่างประชาชนกับป่าไม้มากนัก หรือความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ต้องมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีเอกสารสิทธิอย่างนั้นอย่างนี้ผมว่ามันน่าจะดีกว่า ถ้าออกกฎหมายหรือร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ ไป ผมว่าหาคนระดับล่างที่เขาประสบปัญหาเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหา ผมว่าน่าจะดีมาก” เสน่ห์ กล่าวในท้ายที่สุด
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี