กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ค “รวิภา นก อิ่มอารมย์” ได้โพสต์คลิปวีดีโอความยาว 17 นาที เป็นภาพกุ้งแม่น้ำ ที่ซื้อมาจาก ตลาด อ.ต.ก. แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อผ่ากุ้งออกมาพบตะปู 4 ตัว อยู่ในก้ามกุ้ง คาดว่าแม่ค้าได้ใส่เพื่อถ่วงน้ำหนักเพื่อเอาเปรียบลูกค้า
โดยหญิงสาวรายนี้ ได้ระบุว่า “เตือนภัยกันจ้า ระวัง ตะปูในก้ามกุ้งนะจ๊ะ ต้องการให้กุ้งมีน้ำหนักขึ้นถึงขั้นต้อง ยัดตะปู ใส่เลยจ้าวันนี้ไปตลาด อ.ต.ก. ย้ำนะคะว่า ตลาด อ.ต.ก. ได้ซื้อกุ้งมาโลละ 950 บาท 7 ตัว น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ซื้อมา 1,900 บาทค่ะ ได้ของแถมตะปูมา 4 ตัวด้วยจ้า ต้องการให้กุ้งหนัก ถึงกับต้องยัดตะปูกันเลยทีเดียวจ้า”
หลังจากที่โพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้มีชาวเนตเข้ามาแสดงความคิดเห็น และแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ที่เอาเปรียบผู้บริโภคแบบนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ขณะที่บางรายให้ความคิดเห็นว่า เรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ทำไม่ใช่ทางร้านที่เอาสินค้ามาจำหน่าย แต่ทำมาจากต้นทางคือตั้งแต่ที่ทะเล
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นให้ผู้คนในสังคมได้พูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง
ต่อมา คุณรวิภา ผู้เสียหายที่โพสต์ข้อความดังกล่าว ได้เดินทางไปที่ตลาด อ.ต.ก. เพื่อพบและพูดคุยในเรื่องดังกล่าวกับเจ้าของร้านที่เธอไปซื้อกุ้งมา เนื่องจากมีหลายเรื่องที่อาจจะยังเข้าใจไม่ตรงกัน
คุณสุนัย เต่าทอง หรือ เจ๊แขก เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ทางร้านพร้อมรับผิดชอบ และยืนยันว่ากุ้งที่พบตะปูนั้นไม่รู้มาจากที่ไหน ไม่ใช่ทางร้านมาจับยัดใส่แน่นอน ตนคิดว่าอาจจะเป็นจากต้นทางที่รับกุ้งมา เพราะรับกุ้งมาจากพ่อค้าคนกลางที่มีการซื้อมาจากชาวบ้าน และก็จากตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนำมาคัดเกรดตรวจสแกน ก็อาจมีการบกพร่องในการตรวจเลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งตนก็พร้อมขอโทษ และรับผิดชอบทุกอย่าง
เจ๊แขก บอกด้วยว่า เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ทางร้านก็เคยโดนลูกค้าตรวจเจอสารโลหะในหัวกุ้ง ตอนนั้นก็คืนเงินให้ลูกค้า และจากเหตุการณ์นั้นทางร้านจึงซื้อเครื่องสแกนไว้ตรวจสอบตลอด และหากลูกค้าซื้อของที่ร้านแล้วเจอวัตถุแปลกปลอม ทั้งก้อนตะกั่ว เบ็ด ให้นำมาคืน ทางร้านไม่ได้เป็นคนทำเพื่อหวังเพิ่มน้ำหนัก เพราะได้ไม่คุ้มเสีย
พร้อมยืนยันว่า ถ้าหากมีการตะปูจริงๆ ก็เหมือนการทำลายอาชีพตัวเอง ทางร้านไม่ทำแน่นอน และการเอาเวลาไปยัดตะปู สู้เอาเวลานั้นมาเชียร์สินค้า ให้ลูกค้าซื้อของที่ร้านจะดีกว่าและจากคลิปที่เห็น ตะปู 4 ตัวไม่ได้มีน้ำหนักมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยัดไส้ตะปูเพื่อจะโกงน้ำหนักกุ้งเล็กๆน้อยๆ ได้เงินเพิ่มแค่ 20-30 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่ต้องเสียไปเลย
สุดท้าย เรื่องนี้จบลงด้วยดี ทั้งสองฝ่าย หันหน้าจับมือกันหลังจากที่ได้คุยกันด้วยเหตุด้วยผล จนเคลียร์ใจกันเป็นที่เรียบร้อย โดยฝ่ายแม่ค้ายินดีคืนเงินจำนวน 1,900 บาท ให้กับลูกค้า และไม่มีอะไรติดใจซึ่งกันและกัน
หลายคนที่ติดตามข่าวนี้ ยกนิ้วให้ทั้งสองฝ่าย ที่ใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุยกัน ให้เกียรติกัน ทำให้เรื่องวุ่นๆ ยุติได้โดยไม่ลุกลามบานปลาย และอยากให้สังคมใช้หลักการแบบนี้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ
ส่วน นายชนะ ฉลายพจน์ รักษาการหัวหน้ากลุ่มบริหารงานตลาด องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ระบุว่า เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งผู้ซื้อและผู้ค้า ทางผู้ดูแลตลาด อ.ต.ก. จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบร้านขายอาหารทะเล ภายในตลาดให้ละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะกุ้ง ต้องสแกนตรวจจับโลหะทั้งก่อนวางขายบนแผง และเมื่อวางขายบนแผงก่อนจะขายให้ลูกค้าต้องสแกนตรวจสอบหาโลหะอีก 1 รอบ
อย่างไรก็ตาม เรื่องแย่ๆ ที่เกิดจากการใช้เล่ห์กลเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภคแบบนี้ ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่มีมานานแล้ว ลองย้อนกลับไปดูกัน ว่ามีการใช้วิธีไหนบ้าง เอาเฉพาะหมวดอาหารสดอย่างเดียวก็พอ
เหตุการณ์นี้ก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปีที่แล้ว ผู้ใช้เฟซบุ๊ค “Yungying Pawaran” ได้โพสต์แฉกลโกงของแม่ค้าขายหมึกสด จากตลาดแห่งหนึ่งใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ว่าหลังจากที่ตนซื้อหมึก และนำมาล้างปรากฏว่ามีปลาชนิดหนึ่งยัดไส้มาในตัวหมึกด้วย พบทั้งหมด 11 ตัว เมื่อนำปลาที่ยัดมาในตัวหมึกสดออกมาชั่ง พบว่ามีน้ำหนักรวมกันประมาณเกือบ 150 กรัม คาดว่าเป็นการถ่วงน้ำหนักเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภค ตนจึงนำเรื่องนี้มาโพสต์ทางเฟซบุ๊คเพื่อฟ้องถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
ผู้เสียหายรายนี้บอกว่า การโพสต์ของเธอนั้น เพียงแค่ต้องการจะเตือนภัยผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าเป็นร้านไหน ไม่ได้ต้องการให้ใครเสียหาย ส่วนที่ต้องเปิดเผยเรื่องนี้เพราะรู้สึกสงสารคนซื้อที่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งแม้ว่าจะเสียหายไปแค่ไม่กี่บาท แต่ผู้ค้าก็ควรมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเอง
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มีชาวบ้าน และผู้ค้าชี้แจงว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดของลูกค้า เนื่องจากการที่มีปลาอยู่ในท้องหมึกนั้น เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งลูกค้าอาจจะเลือกซื้อหมึกตัวที่เนื้อแน่นๆ เพราะคิดว่ามีไข่อยู่ในท้อง ซึ่งที่จริงนั้นเป็นปลาลูกประทัด ที่หลบเข้าไปอยู่ในตัวปลาหมึกที่ตายไปก่อนในระหว่างที่ชาวประมงใช้อวนจับ
อีกกรณีหนึ่ง เกิดขึ้นชนิดที่เรียกว่า เล่นกันแบบโต้งๆ
เรื่องนี้เกิดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2561 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป คือ คุณ เอเจ จิรา เล่าว่า ได้ซื้อของทะเลที่ตลาดแถวบ้าน โดยเลือกกุ้ง กับ หมึก สีขาว ตัวใหญ่ หัวหมึกอยู่ครบ ไม่ขาด เพราะต้องเลือกของสดๆ ไปทำยำ ราคาหมึก 80 บาท กุ้ง 120 บาท แม่ค้ามัดถุง เสร็จแล้วเธอก็ฝากไว้กับแม่ค้า แล้วเดินไปเลือกผักที่อยู่โซนเดียวกัน แต่ตอนจ่ายเงินก็งงๆ ว่าทำไมต้องแยกจ่าย 2 ร้าน คือ ร้านที่ขายหมึก กุ้ง กับร้านขายผัก
จากนั้นก็หิ้วของทั้งหมดกลับบ้าน แต่พอเปิดถุงออกมาปรากฏว่า หมึกตัวใหญ่ๆ สดๆ ที่เลือกเอาไว้ 5 ตัว กลายเป็น หมึกเน่า 3 ตัว ที่มีสีเหลืองขุ่น กลิ่นเหม็นคลุ้ง หัวกระจาย
ตอนนั้นเธอรู้สึกโกรธมากจึงนั่งมอเตอร์ไซค์วิน กลับไปที่ร้าน ซึ่งตอนนั้นมีลูกค้ารายอื่นอยู่อีกหลายราย แล้วตะโกนต่อว่าแม่ค้าทันที ว่าทำไมของไม่เหมือนเดิม แต่แม่ค้าก็ยังยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนถุง เธอก็เถียงกลับไปว่า ใครจะเลือกเอาหมึกเน่ามาทำอาหาร แล้วก็โยนถุงใส่ปลาหมึกให้แม่ค้า
เถียงกันต่ออีกนิดหน่อย จนลูกสาวของแม่ค้าต้องบอกให้แม่เอาเงินคืน ขณะที่ตัวเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ทำท่าจะถ่าย โดยขู่ว่าจะเอาคลิปไปประจานในอินเตอร์เนต แม่ค้าจึงหยิบเงินคืนมา 40 บาท แต่เธอก็สวนกลับว่า ซื้อหมึกมา 80 บาท ไม่ใช่ 40 บาท
ผู้เสียหายรายนี้ ยังได้ถามเพื่อนสมาชิกในพันทิปว่า เธอทำรุนแรงไปหรือเปล่า
ปรากฏว่า มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บางรายก็รู้สึกสะใจ และสนับสนุนที่เธอเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับแม่ค้าที่ทำแบบนี้ และบอกว่า อย่าไปกลัว หรืออายถ้าเราถูกโกง แต่ก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วย
แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์โดนเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าแม่ค้าทั้งเรื่องสินค้าและบริการ ซึ่งก็น่าตกใจเหมือนกัน ที่หลายคนมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ และเอามาเล่าสู่กันฟัง
นี่เป็นแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งที่เอามานำเสนอในวันนี้ ยังมีอีกมากที่ไม่ได้รับการเปิดเผย เนื่องจากลูกค้าที่ถูกเอาเปรียบอาจไม่อยากให้มีปัญหาจึงปล่อยเลยตามเลย พอเห็นว่าไม่มีปัญหา คนที่เอารัดเปรียบคนอื่น ก็เลยได้ใจ กระทำการที่น่ารังเกียจแบบนี้ต่อไป
แต่ปัญหาแบบนี้สามารถที่จะจัดการให้หมดไปได้ ด้วยการใช้กฎหมายเข้ามาจัดการกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด จริงจัง ด้านผู้เสียหายก็ต้องไม่นิ่งเฉย แจ้งไปยังช่องทางต่างๆ ที่เปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ ส่วนผู้ค้าในทุกระดับนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ไม่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ซึ่งวิธีการก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
นั่นคือทำการค้าขายแบบซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ ไม่เอาเปรียบลูกค้า
ถ้ายึดถือตามนี้ ก็เชื่อได้ว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี