เก็บกระเป๋าหอบหัวใจตามกลิ่นอายธรรมชาติที่มาพร้อมความชุ่มช่ำของฤดูฝน แนวหน้าพาเที่ยว ทริปนี้จะพาคุณผู้อ่านไปอยู่ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาที่จังหวัดเลย ภายใต้โครงการ "เล่าเรื่องภูมิใจ ชุมชนไทยชุมชนเท่" เนรมิตรการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สถานที่แรกที่เราจะไปหลังจากลงจากเครื่องในช่วงเวลาเที่ยงๆแบบนี้เห็นจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากพาทุกคนมาฝากท้องกันที่ร้านอาหารล้านช้าง เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ของจังหวัดเลย จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่อาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย รสชาติอร่อย จุดสังเกตง่ายๆ ของการเดินทางมาที่ร้าน ก็คือจะมีรูปปั้นช้างและหน้ากากผีตาโขน ตั้งเด่นอยู่ด้านหน้าร้านเมนูที่จะพาทุกคนไปชิมมีหลายหลายเมนูด้วยกันเช่น ปลานิลทอดน้ำปลา-ยำมะม่วง กุ้งผัดเห็ดหอม ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น ผัดเขียวหวานแห้งทะเล แจ่วหมู และยำรวมเห็ด แค่เห็นชื่อเมนูก็น้ำลายสอแล้วผู้เขียนขอบอกเลยว่าอร่อยมากๆ
อิ่มท้องกันแล้วก็ไปตะลุยกันต่อที่ชุมชนกกสะทอน หรือที่ใครหลายๆคนอาจจะรู้จักจากภูลมโล ซึ่งเป็นสถานที่ชมซากุระเมืองไทยหรือดอกพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยซึ่งจะบานช่วงปลายเดือนธันวาคม แต่เอ๊ะเรามาช่วงสิงหาคมหรือช่วงlow season เป็นช่วงที่ดอกไม้ยังไม่บาน แต่อย่าเพิ่งตกใจไปที่ชุมชนยังมีกิจกรรมและธรรมชาติให้เที่ยวชมตลอดนอกจากได้สัมผัสอากาศเย็นสบายแล้วยังได้สุขภาพด้วย คุณนิยม กุราชัย รองประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน ได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับชุมชน พื้นที่ของตำบลกกสะทอนมีสภาพภูมิอากาศที่ดีเหมาะสำหรับการปลูกขิงและอยู่ในระดับน้ำทะเลที่เหมาะสมจึงทำให้ขิงที่ปลูกมีคุณภาพ สรรพคุณครบถ้วนและรสชาติดี นอกจากขิงที่ปลูกแล้วยังปลูกพืชชนิดอื่นๆอีกเช่นเสาวรส แก้วมังกร ข้าวเหนียวดำ ช่วงหลังของกิจกรรมยังมีสาธิตและลงมือปฏิบัติการทำขิงผงและขิงดองซึ่งเป็นสินค้า OTOPของตำบลอีกด้วย
การเดินทางวันแรกใกล้จะจบลงเราจะแวะกินมื้อเย็นกันก่อนที่ ฮัก ณ สะบายดี เป็นร้านอาหารสบายๆมีอาหารที่หลากหลาย เช่น ไก่ทอดสมุนไพร ฉู่ฉี่ปลาคัง ปลากะพงลุยสวน แกงอ่อมไก่ ลาบเห็ดหอมและส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม มีแต่เมนูชวนหิวทั้งนั้นเลย เมื่อหลังท้องตึงหลังตาก็เริ่มหย่อนเป็นธรรมดาเราก็จะขอมาเอนกายพักผ่อนให้สบายใจกันที่ภูนาคำรีสอร์ท
เรามาเดินทางต่อกันที่วัดเนรมิตวิปัสสนา ตัววัดตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแตกต่างจากวัดอื่นทั่วไป พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง พระอุโบสถขนาดใหญ่ตกแต่ง อย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและ ได้มรณภาพแล้ว บริเวณพื้นที่โดยรอบมี การจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงามและมีต้นไม้ที่ สำคัญทางพุทธศาสนาคือ " ต้นสาละ" เป็นต้นไม้ที่ พระพุทธเจ้าทรงประสูติ เป็นสถานที่ที่ใครเดินทางมาถึงด่านซ้ายไม่ลืมแวะไปนมัสการและเที่ยวชม ชมความวิจิตงดงามกันไปแล้วท้องก็เริ่มร้องเรามาแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านจงใจบริการเป็นร้านส้มตำแซ่บๆรสชาติจัดจ้านถูกใจผู้เขียน เมนูชวนแซ่บก็จะมีไก่ย่าง น้ำตกคอหมูย่าง ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ลาบเป็ด หมูทอด ส้มตำไทยและส้มตำปู
มาถึงเลยต้องมาสักการะพระธาตุศรีสองรักสักครั้งเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง พระธาตุศรีสองรัก เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดเลย และถือเป็นสัญลักษณ์และตราประจำจังหวัด มีรูปทรงลักษณะศิลปกรรมแบบล้านช้าง ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังทรง บัวเหลี่ยม คล้ายพระธาตุพนม สร้างขึ้นถวายเป็นอุเทสิกเจดีย์ (หมายถึงเจดีย์สร้างขึ้นโดยเจตนาอุทิศให้พระศาสนา โดยไม่กำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด) สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ.2106 พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันต่อสู่กับพม่า ระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยพระมหาจักรพรรดิ) และกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุศรีสองรัก ได้สร้างขึ้น ณ ที่กึ่งกลางระหว่างลำน้ำโขงกับแม่น้ำน่าน บนโคกไม้ติดกัน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะธิเบตด้วย
ช่วงบ่ายอากาศสบายๆที่เริ่มมาพร้อมเมฆฝน เราจะมาต่อกันที่วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สถานที่ท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยความแข็งแกร่งและมนต์ขลังแห่งวัฒนธรรมประเพณีของชาวเลย ประเพณีที่โด่งดังก็คือ งานผีตาโขน เรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของผีตาโขนเลยก็ว่าได้ วัดโพนชัยถูกสร้างขึ้นพร้อมกับพระธาตุศรีสองรัก ประเพณีสำคัญของวัดโพนชัยแห่งนี้ คือ งานบุญหลวง หรือที่เราอาจจะรู้จักกันในงานเทศกาลผีตาโขนนั้นเอง วัดโพนชัยแห่งนี้จะนี้มีการทำบุญมหาชาติในเดือน 7 (กรกฏาคม) หรือที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” วัดโพนชัยยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์2แห่งคือ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองด่านซ้าย ในพิพิธภัณฑ์ก็จะเก็บรวบรวมเกี่ยวกับงานประเพณีผีตาโขนเอาไว้ การทำหน้ากากเอาไว้ให้ได้แวะชมและศึกษากัน
สถานที่สุดท้ายของทริปในวันที่สองที่เราจะพาไปคือวัดห้วยลาด เดิมคือ สำนักสงฆ์ห้วยลาดก่อตั้งขึ้นโดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้จาริกธุดงค์มาภูคลั่ง ซึ่งอยู่ติดกับบ้านห้วยลาด วัดป่าห้วยลาดนอกจากจะมีศาลาเฉลิมพระเกียรติที่ใหญ่โตโอ่อ่า สง่างาม ซึ่งประดิษฐานพระประธานสีขาวบริสุทธิ์ สร้างด้วยแร่แคลไซด์ มีนามว่า พระสัพพัญญูรู้แจ้งสามแดนโลกธาตุ องค์ใหญ่ที่สุด และโดยรอบยังมี เจ้าแม่กวนอิม(พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร)องค์ใหญ่บริเวณบ่อน้ำให้ได้สักการะกันอีกด้วย ก่อนพระอาทิตย์ที่จะลับขอบฟ้าเราจะพาทุกคนไปพักที่ภูเรือ แซงค์ฌัวรี รีสอร์ทแอนด์สปา เป็นโรงแรมระดับ4ดาวที่จะทำให้ทุกคนผ่อนคลายกับบรรยายและที่พักที่สุดแสนสบาย
เช้าอันแสนสดใสของวันสุดท้ายของทริปวันนี้เราจะพาทุกคนไปออกสัมผัสอากาศเย็นสบายๆ หมอกบางๆ ชมพระอาทิตย์ขึ้นรับแสงแดดยามเช้า กันที่อุทยานแห่งชาติ ภูเรือ โดยตอนที่ขึ้นไปถึงอากาศอยู่ที่ประมาณ17องศาเซลเซียส มีลมพัดตลอดเวลา ผู้เขียนขอบอกเลยว่าหมอกหน้าฝนเนี่ยก็สวยไม่แพ้ช่วงหน้าหนาวเลยหล่ะ ซึ่งเจ้าภูเขาที่เรียกว่าภูนี้ ก็คือภูเขาในพื้นที่ภาคอีสาน หรือภูเขาที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาวนั่นเอง ส่วนชื่อของ ภูเรือ นั้นมาจากชะโงกผาบนยอดดอยสูงที่ยื่นออกมาลักษณะคล้ายสำเภาใหญ่ และยังมีที่ราบคล้ายท้องเรืออีกด้วย ชาวบ้านจึงเรียกภูเรือกันเรื่อยมา ยอดภูเรือเป็นยอดเขาสูงสุด สูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารสำคัญหลายสาย และตลอดทางขึ้นภูคุณจะได้สัมผัสความงามของป่าสนเขา สลับกับสวนหินธรรมชาติและทุ่งหญ้าเขียวเป็นระยะๆ ที่สำคัญยังมีกุหลาบป่า มอส เฟิน และกล้วยไม้ที่สวยงามมากมาย
สถานที่สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดเราจะแวะไหว้พระกันที่วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง หรือชื่อเดิมวัดพระกริ่งปรเมศร์ ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของขุนเขาที่ขึ้นสลับซับซ้อนกันไปมาในอำเภอ ภูเรือ และเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุุทธรูป พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ หรือพระกริ่งปวเรศ โดยตัวโบสถ์วิหารถูกสร้างด้วยไม้สักที่ถูกนำมาแกะสลักไว้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งหลัง สำหรับพระนอน พระวิหาร นาคหัวบันได ก็ถูกแกะสลักมาจากหินหยกแม่น้ำโขง อีกด้วย ทั้งลายแกะสลักและทิวทัศน์โดยรอบของวัด ทำให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวต่างหลงใหลในความวิจิตรงดงามของวัดกัน
ก่อนกลับเราจะพาแวะทานอาหารกลางวันและจิบกาแฟเพลินๆกันที่ร้านอาหารบ้านท่าแพ ร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น ที่จะทำให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับเมนูเลิศรส และบรรยากาศสบายๆคุณสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้ทั้งช่วงเวลา เช้า กลางวัน และเย็น ในบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน เมนูที่จะแนะนำก็จะมียำใหญ่สลัดโบราณ แกงส้มแป๊ะซะปลานิลทอด ปลามึกผัดไข่เค็ม กุ้งทอดเกลือ โต่งหมูย่างบ้านท่าแพ ไข่เจียวแหนม ทอดมันปลากราย และตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อยอย่างเอกเสาวรสและเค้กส้มที่รสชาติหอมและหวานพอดียิ่งจิบกับกาแฟหอมๆด้วยแล้วยิ่งทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
แนวหน้าพาเที่ยวครั้งนี้ได้พาทุกคนไหว้พระขอพร ชมความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรม แวะชิมของอร่อย และออกไปสัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้เก็บความสุขกลับบ้านอย่างเต็มอิ่มพร้อมตะลุยกับการทำงานอย่างเต็มที่ ก่อนจะจากกันขอบอกเลยว่าแต่ละสถานที่มีบรรยากาศดี วิวสวย ธรรมชาติเริด ลองไปสักครั้ง รับรองว่าจะติดใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี