20 กันยายน 2563 นายชูไชย นิจไตรรัตน์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิแพธทูเฮลท์ (P2H) กล่าวถึงโครงการพัฒนารูปแบบกลไกภายในสถานประกอบการเพื่อส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกในเรื่องเพศในครอบครัว กับพนักงานที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและวัยรุ่น ว่า สำหรับหลักสูตรห้องเรียนพ่อแม่จะใช้เวลาอบรม 6 ชั่วโมง ในรูปแบบกิจกรรมมีส่วนร่วม สนุก ได้เรียนรู้ หรืออาจยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของสถานประกอบการ
เนื้อหาสำคัญหนึ่งในหลักสูตรประกอบไปด้วยทักษะการสื่อสารเชิงบวกกับบุตรหลานตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงมหาวิทยาลัย ครอบคลุมทุกปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยเน้นย้ำให้ผู้ปกครองสื่อสารในสิ่งที่บุตรหลานอยากรู้มากกว่าสิ่งที่ผู้ปกครองอยากเล่า และพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาโดยเฉพาะเรื่องเพศ พร้อมกับเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย
“เมื่อจบหลักสูตรแล้วพ่อแม่ยังสามารถเข้าไปติดตามความรู้ต่อได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘คุยเปิดใจ ลูกหลานปลอดภัย’ นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงความยั่งยืนของหลักสูตร จึงร่วมมือกับผู้ประกอบการคัดเลือกแกนนำพนักงานในบริษัทมาฝึกอบรมเป็นการเฉพาะ เพื่อผลิตวิทยากรภายใน สะดวกต่อการจัดกิจกรรม การให้คำปรึกษากับเพื่อนพนักงานได้อย่างทันท่วงที” นายชูไชย กล่าว
รอง ผอ.มูลนิธิแพธทูเฮลท์ ยังกล่าวอีกว่า หลักสูตรที่เน้นการสื่อสารเชิงบวก ยังใช้ได้กับเพื่อนร่วมงาน เพราะหลายครั้งที่พบปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนในองค์กร จากการสำรวจพนักงานที่ผ่านการอบรมพบว่าพนักงานกว่าร้อยละ 50 นำทักษะไปใช้กับเพื่อนร่วมงาน ทำให้มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการได้หยุดไปช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โครงการจึงได้เริ่มดำเนินการต่อ พร้อมกับพัฒนาเมนูที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อความสะดวกในการทำกิจกรรม
ขณะที่ นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ได้ร่วมกับมูลนิธิแพธทูเฮลท์ จัดทำโครงการนี้ขึ้น ซึ่งเป็นการบูรณาการประเด็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างประเด็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องเพศ จากเรื่องเพศไม่พูดเป็นเรื่องเพศพูดได้ และการสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร
โดยดำเนินการนำร่องในโรงงาน 27 แห่งในหลายจังหวัด เช่น สมุทรสาคร ชลบุรี สระบุรี นครราชสีมา โดยได้ออกแบบหลักสูตรห้องเรียนพ่อแม่ เน้นการเสริมทักษะการสื่อสารเชิงบวกในเรื่องเพศให้กับพ่อแม่ในการพูดคุยกับลูก เพื่อเสริมศักยภาพของพ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งหลายรายไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานเพราะต้องทำงาน ทำให้เด็กติดเพื่อน ติดเกม ติดอบายมุข หรือมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
การประเมินผลจากการดำเนินงานเกือบ 2 ปี พบว่า พ่อแม่ ร้อยละ 58.38 นำความรู้ไปใช้กับครอบครัวในระดับมาก ร้อยละ 35.93 นำไปใช้ในระดับปานกลาง และที่เหลือคือส่วนที่ต้องมุ่งนำไปใช้ ส่วนผลจากการนำความรู้ไปใช้ทำให้ผู้ปกครองเกิดความใกล้ชิดกับบุตรหลานมากขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 73.28 นำไปสู่การลดปัญหากระทบกระทั่งกันภายในครอบครัว ก้าวต่อไป คือ สสส. และภาคีจะเน้นการขยายผลต่อไปยังสถานประกอบการ ด้วยความหวังให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข และสุขภาวะภายในครอบครัวต้องมีความเข้มแข็ง” นายชาติวุฒิ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี