วันที่ 24 กันยายน 2563 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยืน องค์การมหาชน (อพท.) จัดประชุมเสวนาผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและระดับนานาชาติ ด้านการท่องเที่ยว มรดกวัฒนธรรม และเมืองสร้างสรรค์ “Sukhothai 2020 Roundtable on Tourism, Heritage and Creative City สุโขทัย ถอดรหัสโต๊ะกลม การท่องเที่ยว มรดกวัฒนธรรม และเมืองสร้างสรรค์” ตั้งแต่วันที่ 21-23 กันยายน 2563 โดยมีการจัดเสวนาโต๊ะกลม เรื่อง "อนาคตของเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์สุโขทัยที่น่าจะเป็น" โดยมี นายพิชิต วีรังคบุตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารและพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, นางสาวปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคตบารามีซี่แล็บ, ผศ.ดร.วิติยา ปิตตังนาโพธิ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และนางสาวเนืองนิตย์ ชัยภูมิ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย เข้าร่วมเสวนา
โดย นางสาวเนืองนิตย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังจากที่สุโขทัยได้รับการประกาศเป็นหนึ่งในเครือข่ายโครงการเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์กรยูเนสโก (UCCN) เมื่อปี 2562 เรารู้เลยว่าต้องเต็มที่กับเรื่องนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือชุมชน ประชาชน ผู้ที่ทำหัตถกรรมทุกคนดีใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกคนยังฮึกเหิม ไฟยังติดเป็นประกาย เนื่องจากการเป็นเมืองสร้างสรรค์ เราต้องทำรายงานต่อยูเนสโก จึงมีการตั้งคณะทำงาน 14 คณะ มีการทำสื่อลงช่องยูทูป เพื่อให้กำลังใจคนในพื้นที่ โดยจากการสัมภาษณ์ เราแปลกใจมาก เนื่องจากทุกคนบอกว่าที่ผ่านมา ก่อนโควิด-19 ผลิตงานไปเรื่อย ๆ ไม่มีสต็อกของ แต่ช่วงโควิด-19 เขาได้เริ่มมาคิดว่าเขาควรสร้างสรรค์งานอะไร เพื่อสร้างงานใหม่ให้สมความเป็นสุโขทัย รวมถึงทำ เพื่อสต็อกของ สร้างงานให้มีคุณค่าส่วนเรื่องผลกระทบคนในพื้นที่เองเขาก็บอกว่าไม่ได้เดือดร้อนมาก มีผักที่สามารถหากินในบ้านได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เราคิดว่าบางทีเราไม่ต้องใช้ทฤษฎีอะไรมากมาย สะท้อนให้เห็นว่าการเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์เป็นสิ่งดี เพราะคนทำงานหัตถกรรม เขาคิดว่างานที่ทำมีคุณค่า มีการยอมรับ มีตัวตน ถ้าเขานำสิ่งที่ผลิตด้วยใจส่งต่อ มีรายได้ให้ลูกและครอบครัว มีการศึกษาที่ดี มีงานทำที่บ้าน ลูกหลานกลับมาบ้าน ซึ่งส่วนนี้จะตอบสังคมผู้สูงอายุ มีลูกหลานคอยดูแลที่บ้าน อย่างไรก็ตาม สุโขทัยมีแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน 20 ปี ตั้งแต่ปี 2560 มีการเขียนนโยบายก่อนหน้าที่เราจะยื่นเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ เรามีทุนทางวัฒนธรรม ความเป็นมรดกโลก การมีชีวิตชุมชนที่อาศัยร่วมกัน รวมถึงภาคประชาชนที่แข็งแรง
ขณะที่ นายพิชิต กล่าวว่า การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ การสร้างและทำให้เห็นโอกาสในพื้นที่เพื่อดึงดูดนทท.สร้างรายได้ จังหวัดสุโขทัย คือ มีต้นทุนทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว การที่จะขับเคลื่อนให้เป็นเมืองสร้างสรรค์จะต้องมีพื้นที่ไปพัฒนาต่อ ทั้งนี้จะต้องสร้างการรับรู้ให้มั่นใจในการเข้ามาพัฒนา และการขับเคลื่อนจากคนในชุมชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจริง อย่างไรก็ตาม การที่ทำแบรนด์ให้เกิดขึ้นมาเป็นจุดขาย และจะทำอย่างไรให้มีการขยายผล เราเริ่มทำงานกับหลายหน่วยงานเพื่อพัฒนาให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ เราจึงเห็นว่าจังหวัดสุโขทัยจะกลายเป็นแม่บทในการขับเคลื่อนไปสู่จังหวัดอื่นๆ ซึ่งความพร้อมของจังหวัดสุโขทัย มีหลายอย่าง อาทิ วัฒนธรรม โบราณสถาน คนในชุมชน อาหาร เป็นต้น
"คำถามคือสุโขทัยจะไปทางไหน จริงๆสุโขทัยเป็นมรดกโลก สิ่งที่สุโขทัยจะเป็นอย่างไร อยู่ที่โครงการที่จะเข้ามามีบทบาท ว่าสุโขทัยจะไปในทิศทางไหน เราจะทำอย่างไรก็ได้ที่จะสร้างมูลค่าให้พื้นที่ ผมเป็นคนกรุงเทพมหานคร แต่เห็นว่าก๋วยเตี๋ยวสุโขทันอร่อมมาก ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยโดดเด่น ทั้งนี้ เชื่อว่าคนที่จะเข้ามาสานต่อคือเยาวชน หรือคนรุ่นใหม่ แต่เราจะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาขับเคลื่อนมีอาชีพที่มั่นคง และยั่งยืน" นายพิชิต กล่าว
ด้าน นางสาวปรมา กล่าวว่า ขอแนะนำเพิ่มเติมว่า หากเปรียบสุโขทัยกับแบรนด์ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.สินค้า 2.บริการ 3.การสร้างบรรยากาศพื้นที่ และ 4.การสื่อสารแบรนด์ เราต้องทำ 4 เรื่องนี้ให้ลูกค้าเห็น เพื่อให้เขาอยากมา มาซ้ำ และบอกต่อ สิ่งที่สุโขทัยยังขาด คือ 1.การสื่อสารให้คนรู้จัก แผนงานสื่อสารประจำปี 2.เรื่องคนเล่าเรื่อง ต้องสร้างปราชญ์เพิ่ม ปราชญ์รุ่นเยาว์ คนที่เล่าเรื่องเก่ง ต้องมีเนื้อแท้ นอกจากนี้ เรื่องคน คือของหรู เป็นการลงทุนที่คุ้ม เราทำคนให้เจ๋ง มีระบบในการสร้าง นำคนเข้ามาทดแทน เราจะประสบความสำเร็จแน่นอน ส่วนเรื่องเทคโนโลยีควรนำไปเสริมด้านการสื่อสาร เนื่องจากยังอ่อนเรื่องนี้จริง ๆ
ส่วน ผศ.ดร.วิติยา กล่าวว่า การเข้าสู่เมืองสร้างสรรค์ และพัฒนาสุโขทัยให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ เราพยายามศึกษาประวัติศาสตร์ เพราะมันมีเสน่ห์อยู่แล้ว ซึ่งการวางแผนยุทธศาสตร์จึงจำเป็นต้องเชื่อโยงกันกับเป้าหมายพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม สุโขทัย มีความสำคัญอยู่แล้ว เช่น ลอยกระทงของสุโขทัยอยู่ 1 ใน 5 ของโลก แค่เขื่อมโยงกับพันธกิจเท่านั้น ทั้งนี้ UCCN ทุกคนทำอยู่แล้ว ซึ่งแผนปฏิบัติการพัฒนาการสร้างสรรค์สุโขทัยด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน เวลาอีก 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2564-2568 เพื่อพัฒนายกระดับความขีดความสามารถ และบทบาทเมืองสุโขทัยในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านระดับโลก เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะ พร้อมทั้งเป็นพื้นที่ในการจัดแสดงผลงานด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน สำหรับเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ UCCN
"สำหรับยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาสุโขทัย ให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ UCCN จะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความทนทาน และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุม และยั่งยืน เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม นอกจากนี้ยังลดความไม่เสมอภาคในประเทศ และระหว่างประเทศ ทำให้เมือง และการตั้งถิ่นฐานของคนในชุมชนมีความปลอดภัย มีภูมิต้านทานพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน" ผศ.ดร.วิติยา กล่าว
ทั้งนี้ ดร.ประครอง สายจันทร์ ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ4 กล่าวปิดการประชุมเสวนาตอนหนึ่งว่า งานเสวนาแบบนี้น่าจะ มีปีละครั้ง สิ่งที่ทุกคนได้ฟังได้นำเสนอ แลกเปลี่ยนในช่วง 2-3 วัน เราได้เห็นการบริหารจัดการมรดกโลกและเมืองสร้างสรรค์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เราโชคดีที่งานอย่างนี้มาจัดที่บ้านเรา ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและเมืองสร้างสรรค์ มันจึงไปด้วยกันและเราได้บทเรียนว่าที่พูดมาเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่ หรือยังไม่เป็น ซึ่งเราได้เปรียบ เพราะเป็น 3 เรื่องที่อยู่ในยูเนสโก ที่อยู่ที่เมืองไทย หวังว่าสิ่งที่ได้ฟัง3วัน ที่จะทำต่อคิดต่อ มันจะดีหรือไม่ดีก็ต้องรับผลที่ตามมา เมื่อย้อนกลับไป 5-10 ปี ประมาณคน ที่มาเที่ยวสุโขทัยแค่หลัก 500,000 คน แต่ปัจจุบัน มีจำนวนล้านกว่าคน และยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวสุโขทัยอีกมาก ในมุมมองของตนเห็นว่า นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาสุโขทัยในช่วงเทศกาลลอยกระทงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่สุโขทัยเป็นอยู่ ซึ่งสุโขทัยเป็นเมืองที่เลือกคนมาเที่ยวและเลือกคนมาทำงาน เพราะสุโขทัยชัดเจนว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ใครก็แล้วแต่หรือโปรเจ็คที่มานำเสนอที่ แปลก นอกจากวิถีปกติของสุโขทัยมักไม่สำเร็จ อะไรที่เป็นวิถีผิดปกติ
"สุโขทัยชินกับการเป็นเมืองมรดกโลก แล้วชินกับเอกสารความทรงจำแห่งโลก แต่พอได้เป็นเมืองสร้างสรรค์ ทุกคนอาจจะเห็นว่ามันผิดไปจากสุโขทัย แต่ผมไม่กลัว เพราะเราจะเดินไปช้าๆ ค่อยๆเดิน ถึงแม้ว่าเส้นทางจราจรของเราจะไม่สะดวกแก่นักท่องเที่ยว แต่ผมเห็นว่าอีกไม่นานเทคโนโลยีจะเข้ามามีบริการขนส่งที่ดีขึ้น สุโขทัยเป็นเมืองที่ไม่เหมือนเมืองใดในประเทศไทย เพราะเราจะเห็นความเป็นหนึ่งเดียวของสุโขทัย และร่วมกันทำหากบอกว่าไม่ทำสุโขทัยก็จะไม่ทำ เราเดินไปด้วยกันและจะไม่ทิ้งใครไว้ หากจะทำเราก็จะทำด้วยกันนั่นคือความเป็นสุโขทัย เพราะฉะนั้นในอนาคตผมคิดว่าคนสุโขทัยกำหนดแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เราเป็นเมืองแบบนี้เมืองประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เราเป็นรุ่งอรุณที่มีความสุขเราก็มีความสุขของเราไป" ดร.ประครอง กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี