กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์แม้เจ้าตัวจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม กรณีงานศพของดาวตลกดัง “โรเบิร์ต สายควัน” ซึ่งมีพวก “เกรียนคีย์บอร์ด” บุคคลประเภทไม่ได้รู้จักอะไรกับบุคคลในข่าวและไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องราวแต่อยากโชว์เจ๋งโชว์เหนือเที่ยววิพากษ์วิจารณ์โน่นนี่นั่นไปเรื่อย ไปโพสต์ข้อความว่า “จัดเมรุซะหรู 5 ยอด สุดท้ายแบกโลงตากฝนมาเผาเตาวัด ทะลึ่งนะมึงสายควัน สมน้ำหน้า” โดยไม่สนใจความรู้สึกของญาติสนิทมิตรสหายหรือกาลเทศะ
ทำให้งานนี้อาจจะไม่จบง่ายๆ เมื่อเพื่อนพ้องร่วมวงการตลกอย่าง “บอล เชิญยิ้ม” ออกตัวประกาศล่าตัวมือโพสต์ข้อความดังกล่าวเพราะรับไม่ได้กับความคิดเห็น “เหยียดหยามคนตาย*ทำร้ายจิตใจคนเป็น” แต่ถึงกระนั้น ข้อความตอนหนึ่งที่ บอล เชิญยิ้ม โพสต์ไว้คือ “ตอนนี้กำลังให้พี่ๆประสาน และค้นชื่อที่อยู่ กับกองทะเบียน” ก็ได้ทำให้ดราม่าร้อนๆ นี้ขยายประเด็นออกไป เกิดคำถามว่า “การค้นประวัติบุคคลในทะเบียนราษฎร์มันทำได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรือ” เพราะไม่ใช่เรื่องราวทำนองนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พา 2 สามีภรรยา นายเศรษฐ เดชสุทา และนางรักชนก เจริญมากสุวรรณ เดินทางไปร้องทุกข์ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกล่าวหาว่า นายอัจฉริยะ ใช้วิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายคัดประวัติบุคคลในทะเบียนราษฎร์ออกมาเผยแพร่
ที่มาที่ไปของคดีนี้ นายษิทรา ระบุว่า นายอัจฉริยะ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีเรื่องขัดแย้งกับเพจ “Red Skull” หรือโหลกแดง แล้วเข้าใจว่า 2 สามีภรรยาเป็นเจ้าของเพจดังกล่าว แต่ไม่ว่าทั้ง 2 คนจะเป็นจริงหรือไม่ นายอัจฉริยะ ก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง คือการแจ้งความบันทึกประจำวันย้อนหลังเพื่อประกอบการใช้ขอคัดทะเบียนราษฎร์ผู้เสียหาย ขณะที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คือไปคัดทะเบียนราษฎร์ให้กับคนที่รู้จักทั้งที่ไม่มีอำนาจ
สิ่งที่เรียกว่า “ทะเบียนราษฎร์” นั้นอยู่ในกฎหมาย “พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534” โดยใน มาตรา 4 ให้นิยามไว้ดังนี้ “การทะเบียนราษฎร” หมายความว่า งานทะเบียนต่างๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร ส่วน “ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร” หมายความว่า ข้อมูลตัวบุคคลเกี่ยวกับ ชื่อ ชื่อสกุล เพศ วันเดือนปีเกิดและตาย สัญชาติ ศาสนา ภูมิลำเนา สถานะการสมรส วุฒิการศึกษา ชื่อบิดามารดาหรือผู้รับบุตรบุญธรรม ชื่อคู่สมรส และชื่อบุตร และข้อมูลอื่นที่จำเป็นเพื่อการดำเนินงานทะเบียนต่างๆ ในพระราชบัญญัตินี้
ขณะที่ มาตรา 17 ระบุว่า ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรต้องถือเป็นความลับ และให้นายทะเบียนเป็นผู้เก็บรักษาและใช้เพื่อการปฏิบัติตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้เท่านั้น ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อความหรือตัวเลขนั้นแก่บุคคลใดๆ ซึ่งไม่มีหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือแก่สาธารณชน เว้นแต่ผู้มีส่วนได้เสียขอทราบเกี่ยวกับสถานภาพทางครอบครัวของผู้ที่ตนจะมีนิติสัมพันธ์ด้วย หรือเมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การสถิติ หรือเพื่อประโยชน์แก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือการดำเนินคดีและการพิจารณาคดีหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และไม่ว่าในกรณีใดจะนำข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรไปใช้เป็นหลักฐานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลมิได้
และใน มาตรา 49 ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 17 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทำการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทำความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย
นอกจากความผิดตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเข้าถึงฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ได้แล้วนำมาเผยแพร่ ยังจะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปอ-10 ปอ หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรื่องนี้ยังมีอีกคดีที่เป็นตัวอย่าง ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2561 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงข่าวการจับกุม ร.ต.ท.บุญเสริม เฟื่องสิน รองสารวัตรจราจร สน.ท่าข้าม ที่รู้รหัสการเข้าถึงระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ แล้วลักลอบเข้าไปนำข้อมูลออกมาส่งให้บุตรชาย คือ นายทรงศักดิ์ เฟื่องสิน ที่ทำเพจ “รับเชคทะเบียนรถยนต์ ออนไลน์ เช็คอายัดรวดเร็ว 24 ซม.” นำไปขายให้กับผู้ต้องการตรวจสอบประวัติบุคคล
ทั้งหมดนี้ทีมงาน “แนวหน้าออนไลน์” ไม่ได้ต้องการขยายปมดราม่าหรือเข้าข้างคู่กรณีฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นดาวตลกดังที่เจ็บแค้นแทนเพื่อนฝูงหรือเกรียนคีย์บอร์ดที่อยากจะโพสต์อะไรไม่คำนึงถึงจิตใจผู้อื่น เพียงแต่ที่ผ่านมาเชื่อเหลือเกินว่า “สังคมไทยน่าจะได้ยินเรื่องเล่าทำนองใครมีเพื่อนหรือญาติเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเวลามีเรื่องก็ชอบไหว้วานให้เพื่อนหรือญาติไปค้นประวัติคู่กรณีเพื่อจะนำไปทำอะไรบางอย่าง” ซึ่งต้องบอกว่าที่ทำกันนั้น “ผิดกฎหมาย” ทั้งผู้ไหว้วานและเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำเนินการมีความผิดถึงขั้นติดคุกตะราง
สำหรับผู้ที่โกรธเคืองใครแล้วคิดทำแบบนี้..ลองคิดดูให้ดี “คุ้มหรือเปล่าที่จะเสี่ยง?”!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/entertain/521644 ('บอล เชิญยิ้ม'ทนไม่ได้! ประกาศล่าเกรียนคีบอร์ดมาขอขมา หลังหยาม'โรเบิร์ต สายควัน' : 29 ก.ย. 2563)
https://www.naewna.com/local/387260 ('ทนายตั้ม'ควง 2ผัวเมีย! เอาผิด'อัจฉริยะ-รองผกก.'ฐานทำหลักฐานเท็จ : 7 ม.ค. 2562)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี