กรมชลประทาน ได้ยกโครงข่ายน้ำภาคตะวันออก ใน 8 จังหวัด เป็นชุดตัวอย่างของ “อ่างพวงตามแนวศาสตร์พระราชา” ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) พระราชทานแนวทางไว้เพื่อความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ “อ่างพวง” มีระบบแบ่งสรรเติมเต็มระหว่างกัน มิใช่อ่างโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง แม้ปัจจุบันยังไม่เต็มรูปแบบที่วางไว้ แต่ก็สามารถที่จะบริหารจัดการโครงการให้มีการแบ่งน้ำ ส่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือกันข้ามลุ่มเพื่อประโยชน์ของทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้จนพ้นวิกฤติมาหลายครั้ง
นายสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะได้รับการแต่งตั้งจาก คณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มี พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)เป็นประธานอนุกรรมการ แต่งตั้งให้รับหน้าที่ในการวางแผนการพัฒนาและบริหารการจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วนเพื่อรองรับฤดูแล้งปี 2563/64 เปิดเผยว่า ในฤดูแล้งปี 2562/63 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่วิกฤติมากเทียบกับปี 2548
แต่สามารถที่จะผ่านวิกฤติขาดแคลนน้ำมาได้ ก็เพราะกรมชลประทานบริหารจัดการโครงข่ายน้ำภาคตะวันออก ที่ได้มีการจัดการบริหารไว้ในรูปแบบอ่างพวง
ตามแนวทางศาสตร์พระราชาในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้แนวพระราชดำริไว้ ทั้งนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกและพื้นที่ 3 จังหวัด EEC (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) มีความต้องการใช้น้ำในฤดูแล้ง(1 พ.ย. 2562-30 เม.ย. 2563) ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อปี แบ่งเป็นภาคเกษตร 1,500 ล้านลบ.ม.
ภาคอุตสาหกรรมประมาณ 500 ล้านลบ.ม. (พื้นที่ EEC ใช้ประมาณ 400-500 ล้านลบ.ม.) อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2578 ข้างหน้าความต้องการใช้น้ำที่ EEC เพิ่มเป็นประมาณ 1,000 ล้านลบ.ม. หมายถึงต้องหาแหล่งน้ำเพิ่มประมาณ 500-600ล้านลบ.ม. เพื่อตอบโจทย์การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจ ทำให้คณะรัฐมนตรีได้มีการวางโครงการเพิ่มปริมาณน้ำและเส้นโครงการข่ายน้ำไว้เพิ่มขึ้นนับแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
เหตุที่กรมชลประทานได้ยกให้ระบบบริหารอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออกเป็นตัวอย่าง ของระบบอ่างพวงที่น่าจะสมบูรณ์ที่สุดก็เพราะในการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาแล้งในหลายปีที่ผ่านมา เหตุจากอ่างเก็บน้ำบางพระที่ใช้ในพื้นที่อีอีซี และใน จ.ชลบุรีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวนับสิบล้านคน มีน้ำกักเก็บน้อย กรมชลได้ใช้อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง เป็นศูนย์ (Hub) บริหารน้ำอ่างน้ำ
โดยประสานกับกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี เพื่อขอน้ำส่วนเกินหรือขอจัดสรรน้ำบ้างส่วนมาเติมที่อ่างประแสร์ ซึ่งในปี 2563 มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุที่มีประมาณ 290 ล้าน ลบ.ม.น้อยมาก เพื่อส่งต่อไปอ่างบางพระผ่านระบบท่อและโครงข่าย ขณะที่จันทบุรีครม.ได้อนุมัติให้สร้างเก็บน้ำเพิ่มประมาณ 4 อ่าง โดย 1 อ่าง อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นในระยะยาวจะมีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มอีกหลายแห่ง เช่น อ่างคลองโพล้ และอ่างขนาดเล็กเพื่อเป็นอ่างพวงให้กับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำคัญให้กับพื้นที่การเกษตรและอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา รวมถึงการสร้างเครือข่ายอ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างหนองค้อ และอ่างบางพระ ซึ่งคาดว่าจะสามารถวางโครงการได้ครบทั้งหมดประมาณปี 2566 การก่อสร้างจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3-5 ปี ซึ่งก็จะทำให้ระบบครบสมบูรณ์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภูมิภาคนี้แล้งซ้ำซากแม้ว่าจะมีน้ำท่าหรือฝนตกมากแต่อ่างมีน้อยและมีขนาดเล็ก ขณะที่ความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC เพื่อพัฒนาประเทศ ทำให้ต้องมีการขยายศักยภาพของอ่างเก็บน้ำ พัฒนาระบบโครงข่ายน้ำทั้งระบบท่อ ระบบสูบกลับ คลองสะพานและการวางโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำส่วนที่ขาดอีกประมาณ 500-700 ล้านลบ.ม.
ซึ่ง 8 จังหวัดภาคตะวันออก พื้นที่รวม 23.47 ล้านไร่ พื้นที่การเกษตร 10.6 ล้านไร่ พื้นที่ชลประทาน 2.14 ล้านไร่ (20%) มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 7 แห่ง ความจุรวม 1,600 ล้านลบ.ม. ของปริมาณน้ำท่ารวม 24,082 ล้านลบ.ม.ต่อปี สำหรับการบริหารน้ำภาคตะวันออก จะมีการตั้งคณะทำงานใน KEY MAN WARROOM ซึ่งเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วนประชุมทุก 15 วัน เป็นไปตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายเฉลิมชัยศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการให้บริหารจัดการน้ำโดยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม
นายแอ๋ ผลศิริ ประธานกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทานตำบลกระแสบนปี 2551 กล่าวว่า ในปี 2548 แล้งจัดมากขณะนั้นไม่มีเขื่อนประแสร์ เกษตรกรต้องซื้อน้ำมาปลูกทุเรียน ปลูกยางพารา คิวละ 600 บาท เกษตรกรเดือดร้อนมาก หลังจากมีอ่างประแสร์ ความจุ 295 ล้านลบ.ม. เกษตรกรดีขึ้น ปัจจุบันเกษตรกรในกลุ่มซึ่งมีประมาณ 32 คน ได้รับประโยชน์ เกษตรกรมีรายได้จากการขายทุเรียนรายละประมาณ 6 แสน ถึง 5 ล้านบาทต่อปี เพราะราคาทุเรียนดีไม่มีราคาตก ซึ่งกรมจะมีการจัดสรรน้ำให้กลุ่มผู้ใช้น้ำต่อเนื่องตามข้อตกลง
“ในช่วงแล้งที่ผ่านมาทางกลุ่มก็รับทราบว่าทางกลุ่มผู้ใช้น้ำวังโตนดแบ่งน้ำให้ประแสร์ ซึ่งก็ต้องขอบคุณคนจันทบุรีที่แบ่งน้ำให้ และเมื่อมีระบบเชื่อมโยงน้ำก็เชื่อว่าทุกภาคส่วนจะดีขึ้น” นายแอ๋ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี