"ครูปุ้ม" เผยพร้อมเซ็นต์ใบหย่าให้ "ครูชลธี ธารทอง" ศิลปินแห่งชาติชื่อดังหลังสืบพยานจำเลยคดีฟ้องหย่าแล้วเสร็จ แต่มีข้อแม้ต้องโอนทรัพย์สินให้ลูกของ "ครูชลธี" ทั้งหมดเสียก่อน หากไม่ยอมจะไม่มีวันหย่าและพร้อมจะสู้คดีให้ถึงที่สุด ด้านทนายเผยไม่เคยทะเลาะกันในศาลหากทะเลาะป่านนี้อยู่ในเรือนจำแล้ว
จากกรณีนายสมนึก ทองมา หรือครูชลธี ธารทอง นักร้องนักแต่งเพลงและศิลปินแห่งชาติชื่อดัง อายุ 81 ปีมอบหมายให้ทนายความ ฟ้องนางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม (ภรรยา) คดีแพ่ง ในข้อหาหรือฐานความผิด “หย่า แบ่งสินสมรส ขับไล่ ส่งมอบทรัพย์สิน” ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ ยชพ.9/2563 ลงวันที่ 23 ม.ค.63 และศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ฝ่ายจำเลยวันที่ 22 ต.ค.63
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ต.ค.63 คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เข้าไปภายในบัลลังก์ศาลในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานฝ่ายจำเลยคือฝ่ายของครูปุ้ม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ซึ่งครั้งนี้นางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม ได้เดินทางมากับนายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล และ ดร.ธณัฐพล ชะอุ่ม ทนายความส่วนตัว
ทั้งนี้ นายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล ทนายความส่วนตัวของครูปุ้ม เปิดเผยภายหลังว่า คดีนี้ได้สืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยเสร็จแล้วซึ่งศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น.โดยส่วนตัวในฐานะทนายความไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร แต่ก็หวังว่าเราจะได้รับความยุติธรรม ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ทางครูชลธี ฟ้องหย่าและขับไล่ครูปุ้มออกจากบ้านและยังขอทรัพย์สินคืนเช่นกระเป๋า รถยนต์ เป็นต้น
นายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล กล่าวว่าสำหรับข่าวที่ออกมาว่ามีการทะเลาะเบาะแว้งกันในศาลนั้นไม่มีเพราะตนกับครูชลธีก็ได้พูดคุยกันสนุกสนานตามปกติ เพราะหากมีการทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นตบตีกันนั้นไม่มีจะถ่ายภาพภายในศาลยังไม่ได้เพราะจะเป็นการละเมิดศาล ดังนั้น เรื่องตบตีกันจึงไม่มีอย่างแน่นอน และยิ่งในบัลลังก์ต่อหน้าศาลรับรองว่าไม่มีใครกล้า ถ้าหากมีการทะเลาะกันจริงป่านนี้ตนก็คงไม่ได้มา คงต้องไปอยู่ในเรือนจำก่อนเลย 3 เดือน
ขณะเดียวกันนางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม เปิดเผยว่าในหนึ่งชีวิตตลอด 30 ปีที่เราอยู่กันมาครูชลธี ใช้คำว่าไล่เราออกจากบ้านและแม้แต่กระเป๋ายี่ห้อหลุยส์วิตตอง สร้อยคอ นาฬิกาโรเล็กซ์ ครูเรียกคืนหมด แม้แต่ทรัพย์ที่มีอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีครูก็ขอแบ่ง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ทั้งหมดทั้งปวงถ้าเป็นความผิดของพี่เอง พี่จะยอมรับผิดและคืนทรัพย์สินเหล่านี้ไป แต่ความผิดทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวพี่ แต่เกิดจากอะไรนั้นสังคมรู้ดี ซึ่งครูปุ้ม ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเลย เพราะ “ความจริง ก็คือความจริง” และขอฝากขอบคุณพี่น้องคนไทยที่เป็นแฟนคลับที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศที่คอยให้กำลังใจและคดีนี้ครูปุ้มจะทำให้เป็นคดีตัวอย่างให้กับผู้หญิงไทยที่ต้องสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตแล้วเราต้องอยู่ให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรีได้เริ่มทำการไล่เกลี่ยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เวลา 09.00 น.ไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ แต่ผลปรากฏว่าไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ ดังนั้น ศาลจึงเริ่มสืบพยานฝ่ายโจทก์ ประกอบด้วยครูชลธี ธารทอง รวมทั้งพิธีกรรายการทีวีชื่อดังช่องหนึ่งและญาติของครูชลธี รวม 3 ปากจนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.จึงแล้วเสร็จ
สำหรับวันนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรีเริ่มสืบพยานฝ่ายจำเลยตั้งแต่เวลา 09.00 น.มีทั้งหมดจำนวน 4 ปาก โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จและศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น.
โดยในวันนี้หลังจากที่ศาลเยาวชนและครอบครับจังหวัดกาญจนบุรีสืบพยานฝ่ายจำเลยแล้วเสร็จ ครูชลธี ธารทอง นักร้องนักแต่งเพลงะและศิลปินแห่งชาติชื่อดังได้เดินทางกลับด้วยระยนต์กระบะ เมื่อออกมาจากประตูศาล ผู้สื่อข่าวได้พยายามเรียกเพื่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี แต่คนขับได้ขับรถออกไปในทันที จึงไม่สามารถสัมภาษณ์ได้โดยครูปุ้มได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ตอนหนึ่งว่าจะสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าหากครูชลธี ธารทอง ต้องการใบหย่าจริงครูปุ้มก็ยินดี แต่มีข้อแม้ว่าครูชลธี จะต้องยินยอมโอนมรดกทรัพย์ทั้งหมดให้กับลูกสาวและลูกชายของตัวครูชลธี เองทั้งหมดเสียก่อนจึงจะยอมหย่าให้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี