ในวันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 พร้อมๆ กับการเร่งสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสร้าย และการคิดค้นหาวัคซีนมาป้องกัน
ส่วนประเทศไทยแม้จะมีการใช้มาตรการป้องกันจนได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายๆ ประเทศในโลก แต่ตอนนี้ก็ยังมีความตึงเครียดเรื่องปัญหาการเมือง
วันนี้จึงขออนุญาตพักเรื่องหนักๆ เอาไว้สักหน่อย
มาคุยถึงเรื่องที่น่ายินดีใกล้ๆ ตัวเรา ซึ่งแม้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกปี แต่ความปรวนแปรของสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้“อากาศหนาว”กลายเป็นเรื่องไม่ค่อยคุ้นเคยของคนไทยไปแล้ว ปีหนึ่งๆ เรามีวันที่อากาศเย็นไม่มากนัก
อย่างไรก็ดี วันนี้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศเรื่อง“การเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ.2563”เนื้อหา ระบุว่า ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2563
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับหน้าหนาว
เริ่มจากเครื่องนุ่งห่มในวันที่อากาศหนาวเย็น จะเห็นได้ว่า คนไทยเราแม้จะอยู่ในประเทศโซนร้อน แต่แฟชั่นเสื้อผ้าหน้าหนาวก็เป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น เสื้อกันหนาว หมวกไหมพรม ถุงมือกันหนาว กระทั่งที่ปิดหู ซึ่งจะมีการค้าขายกันอย่างคึกคัก แต่ละปีที่อยู่ในช่วงอากาศหนาวก็จะมีข่าวเกี่ยวกับธุรกิจการค้าเสื้อกันหนาว โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวมือสองมาให้ติดตามกัน และไม่ลืมที่จะมีคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องของการทำความสะอาด ให้ห่างไกลจากเชื้อโรค
ต่อมาก็เป็นเรื่องของอาหารการกิน แน่นอนว่าจะต้องเป็นอาหารร้อนๆ มาช่วยดับความหนาว หลายคนชักชวนเพื่อนฝูงออกไปสังสรรค์กันที่ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง สุกี้ ชาบู ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เลือกที่จะรับประทานอาหารอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ญาติพี่น้อง ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
และนอกจากอาหารมื้อหนักแล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น กาแฟร้อน โกโกร้อน น้ำเต้าหู้ ฯลฯ เอาไว้จิบกันเพลินๆ สร้างความอบอุ่นให้ร่างกายสู้กับความหนาวเหน็บ
อิ่มท้องแล้วก็ต้องไม่ลืมดูแลผิวพรรณด้วย เพราะอากาศหนาว อาจทำให้ผิวแห้งแตก จึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลักๆเลยก็จะมี โลชั่นบำรุงผิว ไว้ดูแลผิวให้คงความชุ่มชื่น มีสุขภาพดีกับผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปากไม่ให้แห้งแตก อย่าง ลิปมัน ลิปบาล์ม
กิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งที่คนไทยให้ความสำคัญในช่วงที่อากาศหนาวๆ ก็คือ “การท่องเที่ยว” ดังนั้นจึงถือโอกาสแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงฤดูหนาวนี้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดทางภาคเหนือที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าภาคอื่นๆ
เริ่มจาก ภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย ที่มีจุดเด่นคือ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวรอบๆ ได้ 360 องศา นักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกที่แสนงดงาม และได้สูดอากาศบริสุทธิ์สัมผัสกับความหนาวเย็นในยามเช้า ซึ่งแม้ว่าการเดินทางขึ้นไปที่ยอดเขาอาจจะยากลำบากสักหน่อย แต่เมื่อขึ้นไปเห็นวิวข้างบนแล้วคุ้มกับที่เหนื่อยแน่นอน
ห่างจากภูชี้ดาวออกไปอีกไม่ไกลกันนักก็คือ ภูชี้ฟ้า สถานที่ดูทะเลหมอกยอดนิยม ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,200-1,600 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปถึงจะได้มองเห็นทะเลหมอกสวยงามสุดลูกหูลูกตา โดยแลนด์มาร์คสำคัญของภูชี้ฟ้าคือชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา
ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นดอยที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศไทย มีความโดดเด่นที่ภูมิทัศน์ของภูเขาที่สวยงามและสลับซับซ้อนเป็นแหล่งชมไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามหลายชนิด อาทิ ดอกค้อเชียงดาว และดอกเทียนนกแก้ว ดอกไม้รูปร่างเหมือนนกแก้ว ที่จะพบได้แค่ที่นี่เท่านั้น
ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งอยู่ในโครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง 2เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ผู้คนจะพากันมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเป็นจำนวนมากหลายคนตั้งใจว่าอยากมาเยือนสักครั้ง ที่นี่อากาศดีมากๆ จนได้รับสมญานามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก”
วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา เป็นภูเขาสูงชันอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 900-1,720 เมตร มีภูเทวดา ที่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดของในเทือกเขาสันปันน้ำ ไทย-ลาว และยังเป็นจุดชมทะเลเมฆหมอกและดวงอาทิตย์ขึ้นลงที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ อยู่บริเวณใกล้เคียงกับทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนไทยกับกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของกัมพูชา บริเวณใกล้เคียงมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมโบราณสถานสถูปคู่รูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนกลมข้างในเป็นโพรงสำหรับบรรจุสิ่งของสร้างด้วยหินทรายแดง ขนาดกว้าง 1.93 เมตร ยาว 4.2 เมตร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยที่แนะนำกัน เพราะสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจยังมีอีกมากมายทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเพลิดเพลินกับเรื่องของเครื่องแต่งกายอาหาร เครื่องดื่ม สถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ก็ยังต้องดูแลเรื่องสุขภาพ ไม่ให้โรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนเราได้ ตรงนี้ขอสรุปความจากที่“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้า” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นายแพทย์วีระยุทธ บุญเกียรติเจริญ” แผนกตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลเปาโลรังสิต เกี่ยวกับประเด็น “โรคที่มาพร้อมกับฤดูหนาว”มาให้อ่านกัน
โดย นายแพทย์ วีระยุทธ เปิดเผยว่าโรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าหนาวนั้นหลักๆ จะเริ่มต้นด้วย “โรคไข้หวัด” ที่เกิดจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย อาจจะพบไข้ต่ำๆ มีน้ำมูกมีคัดจมูกมีอาการจาม วิธีการป้องกัน โดยส่วนใหญ่หากเป็นไข้หวัดอ่อนๆไม่ต้องพึ่งยาก็ได้ โดยใช้วิธีการรักษาเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ5หมู่ แต่ถ้ามีน้ำมูกเยอะนั้น ก็ควรทานยาแก้แพ้ควบคู่ไปด้วย
โรคที่ 2 คือ “โรคไข้หวัดใหญ่” เกิดจากเชื้อไวรัส อินฟลูเอ็นซา (influenzavirus) ที่มักพบมากในฤดูหนาว ลักษณะอาการ มีไข้ค่อนข้างสูง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะมาก หากพบอาการที่รุนแรงมาก ไข้ขึ้นสูง อาเจียนหนัก ควรพบแพทย์โดยเร็ว
โรคที่ 3 “โรคปอดบวม” หรือ “โรคปอดอักเสบ” ลักษณะอาการ มีไข้สูง ไอมีเสมหะ มีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำลง ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาจากทางโรงพยาบาลโดยตรง เพราะจะมีอาการค่อนข้างรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดไอรุนแรง มีเสมหะเยอะ หายใจเหนื่อยหอบ บางรายต้องนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ และมีการให้ยาปฏิชีวนะ และที่สำคัญคนไข้ควรดื่มน้ำให้เยอะเพราะน้ำจะเป็นตัวช่วยละลายเสมหะได้ดีมากอีกด้วย
โรคที่ 4 คือ “โรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า(Rotavirus)” พบได้ง่ายในฤดูหนาว และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กอายุ ต่ำกว่า 5 ปี ลักษณะอาการ ท้องเสียถ่ายเหลว และถ่ายบ่อย อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ อ่อนเพลีย วิธีการป้องกัน ดูอาการรักษาตามอาการว่าคนไข้อยู่ระยะอาการไหน ส่วนใหญ่จะพบในเด็กมาก ซึ่งมีการป้องกันในเด็กโดยจะมีวัคซีนให้เด็ก
โรคที่ 5 “โรคหัดจาก เชื้อไวรัสรูบีโอรา (Rubeola virus)” มักพบในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ ติดต่อได้จากการไอ จาม น้ำลายของผู้ป่วย มีระยะฟักตัวประมาณ 10-14 วัน มักจะพบเจอได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว ผู้ป่วยจะมีไข้ ไอ ตาแดง น้ำตาไหล มีตุ่มเล็กๆ สีแดงคล้ำขึ้นตามผิวหนัง และจะหายไปเองภายใน 7 วัน บางรายต่อมน้ำเหลืองหลังใบหูบวมด้วย ส่วนมากโรคนี้จะไม่มีอาการร้ายแรง ยกเว้นคนที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
นายแพทย์วีระยุทธ กล่าวทิ้งท้ายว่าเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าไวรัสโควิด-19 จะอยู่คู่กับเราไปถึงเมื่อไหร่ เราจึงต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เช่น ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้านทุกครั้ง ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตรรับประทานอาหารปรุงสุก พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับหน้าหนาวที่นำมาฝากกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี