“แรงงานนอกระบบ” หมายถึงผู้ที่มีงานทำแต่ไม่ได้อยู่ในระบบสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งตรงข้ามกับแรงงานในระบบ เช่น ข้าราชการที่มีสวัสดิการข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐประเภทอื่นๆ ตลอดจนพนักงานบริษัทเอกชนที่มีประกันสังคม โดยรายงานการสำรวจแรงงานที่ สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยแพร่ทุกปี จะพบว่าในสังคมไทยมีแรงงานนอกระบบมากกว่าแรงงานในระบบเสมอ อยู่ที่สัดส่วน 20-21 ล้านคน ต่อ 17-18 ล้านคน
ที่ผ่านมา ภาครัฐของไทยพยายามหาทางขยายความคุ้มครองด้านสวัสดิการแรงงานไปถึงแรงงานนอกระบบ แต่ก็ไม่สามารถทำได้โดยงานเพราะด้วยความที่อยู่นอกระบบจึงกระจัดกระจายไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดบ้าง ประกอบกับมีอาชีพที่หลากหลายมาก เช่น ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้รับงานไปทำที่บ้าน ฯลฯ ซึ่งแต่ละอาชีพก็มีลักษณะการทำงานและความต้องการเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และภาคีเครือข่าย จัดงานสัมมนา “การคุ้มครองลูกจ้างทำงานบ้านและแรงงานในภาคเกษตร” ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นแรงงานนอกระบบที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับอีกหลายๆ กลุ่ม โดย มาลี สอบเหล็ก ประธานเครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ลูกจ้างทำงานบ้านเป็นกลุ่มแรงงานที่ถูกกดทับทั้งจากมุมมองของสังคม และจากการที่รัฐเอื้อมมือเข้าไปไม่ถึง
เช่น สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 (ลูกจ้างที่มีนายจ้าง สมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมต่อเดือนแบ่งเป็น 3 ส่วน คือนายจ้าง ลูกจ้างและรัฐ) ที่เครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านเรียกร้องมาโดยตลอด หน่วยงานของรัฐมีการเชิญตัวแทนไปร่วมประชุมหารือ แต่ติดข้อจำกัดคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ไม่เคยเข้าถึงนายจ้าง ทั้งนี้ การจะนำลูกจ้างเข้าถึงสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 รัฐต้องมีข้อมูลนายจ้างด้วย แต่รัฐไม่รู้ว่าบ้านไหนจ้างลูกจ้างทำงานบ้านบ้าง ซึ่งจะต้องนำลูกจ้างนั้นไปขึ้นทะเบียน
“ลูกจ้างทำงานบ้านเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเปราะบางค่อนข้างถูกกดทับด้วยอาชีพ โดยสังคมที่เขามองเราไม่ใช่งาน ไม่ใช่แรงงาน เราก็เลยจะถูกกดทับให้อยู่ในสังคมที่ค่อนข้างจะปิดหูปิดตาหน่อย เพราะการทำงานของเราอยู่ในเคหสถานของนายจ้าง ภาพโดยรวมเราเข้าไม่ถึงสิทธิอะไรเลย สิทธิแรงงานขั้นพื้นฐานอะไรก็แล้วแต่ กลุ่มลูกจ้างทำงานบ้านเข้าไม่ถึง” ปธ.ประธานเครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านแห่งประเทศไทย กล่าว
ขณะที่ ประสิทธิ์ ธงทัศวรรธนะ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย ซึ่งอีกด้านหนึ่งยังทำงานกับกลุ่มแรงงานนอกระบบในภาคเกษตรด้วย ยกตัวอย่างกรณีการทำสวนมะพร้าว ที่ผ่านมามีการใช้ลิงเก็บมะพร้าวหากเป็นต้นมะพร้าวสูง แต่เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิสัตว์ หรือ
การทารุณกรรมสัตว์ ก็อาจต้องเปลี่ยนมาใช้แรงงานคน คำถามคือการที่แรงงานกลุ่มนี้ไม่ใช่แรงงานแบบจ้างทำงานประจำต่อเนื่อง เมื่อปีนขึ้นไปเก็บมะพร้าวแล้วเกิดอุบัติเหตุตกลงมาบาดเจ็บคนจ้างจะรับผิดชอบหรือไม่เพราะไม่ได้เข้าสู่ระบบ
ด้าน นภสร ทุ่งสุกใส ที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน กระทรวงแรงงาน ยอมรับว่า การคุ้มครองแรงงานนอกระบบทั้ง 2 กลุ่มนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีสภาพการจ้างงานที่ซับซ้อน เช่น “ลูกจ้างทำงานบ้าน” อาชีพเดียวแต่สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ อาทิ 1.บุคคลธรรมดาว่าจ้างแรงงานทำงานบ้านแบบอยู่ประจำด้วยตนเอง โดยให้พักอาศัยและทำงานที่บ้านพักของตน2.บริษัทรับทำความสะอาดส่งพนักงานที่เป็นลูกจ้างของบริษัทไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ ที่มีผู้ว่าจ้าง ซึ่งมีทั้งแบบส่งไปทำเป็นประจำและเป็นครั้งคราว
และ 3.บุคคลธรรมดาออกหางานรับจ้างด้วยตนเอง และไม่ได้มีผู้ว่าจ้างเพียงรายเดียว เช่น คนที่รับจ้างทำความสะอาดบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับที่ตนเองอยู่อาศัย วันจันทร์ตอนเช้าทำบ้านหลังหนึ่ง บ่ายทำอีกหลังหนึ่ง วันอังคารเช้าและบ่ายก็ไปอีกหลังหนึ่ง เป็นต้น แล้วแต่จะมีการตกลงจ้างกัน ซึ่งจากทั้ง 3 กลุ่มนี้ กลุ่มที่ 2 เป็นแรงงานในระบบ เพราะเป็นลูกจ้างนิติบุคคล (บริษัทรับทำความสะอาด) ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นแรงงานนอกระบบ หรืออาชีพอิสระ หางานทำเอง (Freelance) โดยอาศัยเครือข่ายคนรู้จักช่วยแนะนำบอกต่อ
แต่ “ปัญหาอยู่ที่กลุ่มที่ 1” เนื่องจาก “นายจ้างเป็นเพียงบุคคลธรรมดา (ไม่ใช่บริษัทหรือองค์กรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย) แต่มีการจ้างลูกจ้างทำความสะอาดบ้านแบบอยู่อาศัยและทำงานประจำโดยจ่ายค่าจ้างเอง” คำถามคือ “ลูกจ้างทำงานบ้านประเภทนี้ควรจัดเป็นแรงงานในหรือนอกระบบ” ซึ่งหากไปถามแรงงานประเภทนี่ก็จะได้รับคำตอบว่านอกระบบเพราะไม่มีสวัสดิการใดๆ ประกันสังคมก็ไม่มี อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน หรือจะไปขอรับการสนับสนุนด้านพัฒนาฝีมือแรงงานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นต้น
“แรงงานภาคเกษตรก็เช่นกัน มีลักษณะใกล้เคียงกันคือคุณเป็นลูกจ้างของสวนเกษตร ไร่นาอันนี้คุณก็ทำงานให้เขา เจ้าของไร่ เจ้าของสวน เจ้าของนาจ้างคุณทำงานแบบเป็นลูกจ้างอยู่ถาวร เช้าขึ้นมาทำอะไร กินอยู่ในบ้านก็มี ขณะเดียวกันคุณก็เป็นประเภทแรงงานอิสระ คือคุณไปรับจ้างตัดหญ้า เก็บผลไม้ จบสวนนี้ไปสวนถัดไปด้วยตัวคุณเองพร้อมกลุ่มเพื่อน4-5 คนก็มี
หรือคุณเป็นลูกจ้างของใครสักคนหนึ่งซึ่งเขาไปรับเหมางานสวนงานเกษตร จากเจ้าของสวนเจ้าของไร่นา แล้วก็เอามาให้คุณจัดทีมไป แล้วก็ไปทำงานตามที่ฉันรับเหมามานะ ฉันให้ค่าแรงคุณต่อวันเท่านี้ ทำ 3 วัน 7 วันจบ รับเงิน คนกินหัวคิวก็รับเงินจากเจ้าของสวนเจ้าของไร่นาแล้วก็มาจัดหาทีม ก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง แล้วถามว่าแบบไหนบ้างจะเป็นแรงงานในระบบ แบบไหนบ้างที่เรียกว่าเป็นแรงงานนอกระบบ ฉะนั้นการทำงานบ้านงานเกษตร จึงต่างกับการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีนายจ้างลูกจ้างชัดเจน” นภสร กล่าว
ในงานสัมมนาครั้งนี้ยังได้กล่าวถึงความพยายามของ กระทรวงแรงงาน ในการผลักดัน “(ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ...” ซึ่งหากออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้จริงจะช่วยทำให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงสิทธิต่างๆ มากขึ้น โดยกฎหมายดังกล่าวจะให้ข้อสรุปว่าอะไรคือแรงงานนอกระบบ เนื่องจากแต่ละแหล่งให้นิยามไม่เหมือนกัน รวมถึงให้อำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดูแลแรงงานนอกระบบแต่ละกลุ่ม
หากไม่มีปัญหาใดๆ คาดว่าน่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน ก.พ. 2564 และหากผ่านออกมาเป็นมติ ครม. ก็จะเข้าสู่ชั้นกฤษฎีกา และการพิจารณาของรัฐสภาต่อไป!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี