วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
บันทึกประวัติศาสตร์คนชายขอบ 8 องค์กร ลงนามส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชาติพันธุ์

บันทึกประวัติศาสตร์คนชายขอบ 8 องค์กร ลงนามส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชาติพันธุ์

วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 21.14 น.
Tag : คนชายชอบ วราวุธ
  •  

บันทึกประวัติศาสตร์คนชายขอบ 8 องค์กร ลงนามส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชาติพันธุ์ "วราวุธ"ย้ำแนวทางวิถีชุมชนคู่การอนุรักษ์และพัฒนา พร้อมหนุนแก้ปัญหาชาวเล ด้าน"หมอโกมาตร"ชี้เป็นเป็นความก้าวหน้า 10 ปี มติครม.ชาวเล หวังคลอด พรบ.ชาติพันธุ์ในปี 65

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ได้มีการจัดงานวันรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ครั้งที่ 11 โดยมีผู้ร่วมงานราว 600-700 คน ซึ่งมีความทางหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้ง ชาวเล ชาวมันนิ และชาวกะเหรี่ยง ทั้งนี้ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายและภาพเขียนจากศิลปินในโครงการศิลปะชุมชน ขณะที่เครือข่ายชาวเลหลายพื้นที่ได้นำอาหารทะเลที่เป็นสินค้าประจำถิ่นมาวางขาย


เวลา 08.30 น.นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาชาวเลในหมู่บ้านพร้อมรับหนังสือร้องเรียน ขณะที่ชาวเลได้จัดขบวนเรือประมงนับร้อยลำที่เดินติดป้ายเรียกร้องสิทธิทำกินและสิทธิในที่ดินมาต้อนรับ

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้กล่าวรายงานในพิธีเปิดว่า เกาะหลีเป๊ะเป็นพื้นที่มีประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปักปันเขตแดน ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นช่วงที่รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจังหวัดสตูลมีความหลากหลายชาติพันธุ์มีทรัพยากรธรรมชาติสวยงาม มีอุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง และในงานครั้งนี้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง ตัวแทนชุมชน ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ร่วมกันผลักดันกฎหมายส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งประเทศไทยกลุ่มชาติพันธุ์ถึง 6 ล้านคน

นางแสงโสม หาญทะเล ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ กล่าวรายงานชาวเลว่า การจัดงานครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของพวกเรา พวกเราเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมอาศัยในอันดามันกว่า 300 ปี หาอยู่หากินพึ่งพิงธรรมชาติ แต่วันนี้เมื่อมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประกาศเขตอนุรักษ์ของรัฐบาล ทำให้วิถีชีวิตของพวกเราเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ปัญหาของชาวเลคือ 1.ความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย 25 ชุมชน 2.สุสานชาวเลถูกรุกราน 23 แห่ง 3.ถูกฟ้องขับไล่โดยธุรกิจเอกชนที่ออกเอกสารสิทธิมิชอบทับที่ดินของชาวเล 4. ปัญหาที่ทำกินที่เราเคยมีแหล่ง 27 แหล่ง แต่เหลือไม่กี่แห่ง 5.บริเวณหน้าหาดและที่จอดเรือถูกบีบและกดดันไม่ให้จอดเรือ 6.ด้านการศึกษาที่ทำให้วัฒนธรรมลชาวเลสูญหาย 7. ยังมีชาวเลมีปัญหาสัญชาติกว่า 400 คนซึ่งตกสำรวจทำให้เกิดปัญหาไม่ได้เรียนหนังสือ 

“ผ่านมา 10 ปีมีบางส่วนที่ปัญหาได้รับการแก้ไข แต่ยังมีอีกมากมายที่ยังไม่สามารถแก้ได้เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ไม่สามารถแก้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือมติครม. จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อแก้ปัญหาและลดควาเหลื่อมล้ำของสังคม นอกจากนี้ยังต้องร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อสร้างพื้นที่นำร่องเพื่อให้เห็นว่าพวกเราที่เผชิญปัญหามีความพร้อมพัฒนาชุมชนให้ก้าวไกล”นางแสงโสม กล่าว

นายวราวุธ กล่าวว่า ทุกคนต่างอยู่บนผืนแผ่นดินไทย การที่รัฐบาลจะดำเนินการอะไรนั้น การพัฒนาต้องควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ตอนนี้เรายืนบนผืนดินอันศักดิ์สิทธิของชาวเลซึ่งทุกคนหวงแหน วิธีหวงแหนแผ่นดินเริ่มต้นง่ายๆ เริ่มจากการเก็บขยะ นโยบายของ ทส. ไม่ใช่ไล่คนออกจากพื้นที่ แต่ทำอย่างไรจะดูแล ต้องทำให้ทุกกลุ่มเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีใครหวงแหนเกาะหลีเป๊ะมากกว่าชาวเลเพราะอยู่บนเกาะหลีเป๊ะมาก่อน คนที่จะช่วยงาน ทส. และข้างราชการที่ดีที่สุดคือชาวเลหลีเป๊ะ

“ทุกปัญหารัฐบาลรับทราบและพยายามแก้ไข แต่ถ้าแก้ไขง่ายปัญหาคงอยู่มาไม่ถึงป้จจุบัน แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ปัญหาทั้งหมดตั้งถูกนำมากางบนโต๊ะ ขอให้กำลังใจทุกคน ปัญหามากมาย ปัญหาความขัดแย้ง ต้องได้รับการแก้ไข”นายวราวุธ กล่าว

หลังจากนั้นนายวราวุธได้เป็นสักขีพยานในการร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ “ส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์” โดยผู้ร่วมลงนามประกอบด้วยรองปลัดกระทรวงทส. ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) ผู้แทนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) ผู้แทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้แทนมูลนิธิชุมชนไท ผู้แทนมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ผู้แทนเครือข่ายชาวเลและผู้แทนเครือข่ายกะเหรี่ยง

นายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า กรณีชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์เป็นปัญหาที่มีมายาวนานมากกว่า 10 ปี และมีความหลากหลาย เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ดังนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาฝ่ายเดียวได้ แต่ ทส. จะเป็นกลไกสำคัญช่วยให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์สามารถอาศัย และมีวิถีชีวิตในดินแดนถิ่นเกิดอย่างยั่งยืน เพื่ออนุรักษ์พรัยากรธรรมชาติไว้ให้คนไทยทุกคน วันนี้จึงเป็นการมาให้กำลังใจและรับทราบแนวทางออกร่วมกันกับทุกฝ่าย ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหา โดยการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้จะเป็นสัญญาณให้เร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว โดยฝากผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ประสานงานกับทุกหน่วยงาน 

“ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ชัดเจนว่า หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาเดือนร้อน จะอนุรักษ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำควบคู่ไปพร้อมการพัฒนา ทำอย่างไรให้การดำเนินชีวิตของชาวบ้านไม่เป็นการทำลายทรัพยากร จึงต้องพิจารณาจากบริบทในปัจจุบันให้สอดคล้อง ควรมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เช่น ประเพณีการลอยกระทงที่ปัจจุบันประชากรมี 70 ล้าน คน การลอยกระทงก็อาจทำลายแม่น้ำ หรือการหาหอยตามชายหาดให้เขตอุทยานฯ ชาวบ้านก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะไม่เหลือหอยไปถึงลูกหลายในอนาคต” นายวราวุธ กล่าว

ด้านนายแพทย์โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ให้สัมภาษณ์ การลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในวาระครบรอบ 10 ปี มติ ครม. 2 มิถุนายน 2553 ว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ที่จะเป็นกลไกสำคตัญขับเคลื่อนให้ ชุมชน ภาคธุกิจ และหน่วยงานยทุกฝ่ายได้มาหารือร่วมกัน เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงและกำหนดระเบียบหรือเกิดข้อกฏหมายเพื่อจัดการปัญหา โดยเฉพาะ ร่าง พรบ.ส่งเสริมและอนุรักษ์วิถีกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เครือข่ายได้ร่วมกันผลักดัน เพื่อให้มีการแก้ปัญหาในเชิงนโยบายและเกิดรูปธรรม ให้มีการกำหนดเขตวัฒนธรรมพิเศษที่ชาวบ้านสามารถดำรงวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยไม่ขัดต่อกฏหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 12 ชุมชน กำหนดเขตวัฒนธรรมพิเศษนำร่อง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าชาวบ้านสามารถดำรงชีวิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ได้อย่างเข้มแข็ง โดยคาดว่า ร่าง พรบ.ฉบับนี้จะประกาศใช้ได้ภายในปี 2565

“การพิสูจน์สิทธิพื้นที่ดั้งเดิมของชุมชน สามารถดูได้จากหลักฐานการอยู่มาก่อนอุทยานหรือการออกโฉนด การขุดกระดูกบรรพบุรุษ หรือต้นไม้ที่ปู่ย่าปลูกไว้ รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่เคยนำมาหาข้อสรุปหรือเจรจาร่วมกัน ปัญหาไหนทำได้ก่อนก็ควรดำเนินการไปก่อน กระบวนการหลักจากนี้จะต้องหาชุมชนต้นแบบมีความเข้มแข็ง อย่างเช่น กรณีหลีเป๊ะ ที่ชาวบ้านรู้จักคุณค่าสามารถดูแลทรัพยากรการท่องเที่ยวโดยไม่ทำลาย เพื่อกำหนดเขตวัฒนธรรมพิเศษต้นแบบนำร่อง”นายแพทย์โกมาตร กล่าว

ขอบคุณภาพเฟชบุ๊ก TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้

รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.

'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved