สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทยจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็น ม็อบคนรุ่นใหม่ ที่ยืดเยื้อมาหลายเดือน กำลังเป็นที่จับตาของสื่อต่างชาติหลายสำนักว่าจะดำเนินไปในทิศทางใดและมีข้อยุติอย่างไร พร้อมคำถามว่า “ประเทศไทย จะเป็นฮ่องกงรายต่อไปหรือไม่” เพราะทั้งรูปแบบดาวกระจายไปตามพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ/จุดสัญจรประจำวัน การออกแบบให้การชุมนุมกลายเป็น event โดยเปลี่ยนธีมชุมนุมไปเรื่อยๆ การใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสื่อสาร/นัดหมาย รวมถึงคำประกาศของแกนนำผู้ชุมนุมตอกย้ำชัดเจนว่า ม็อบ 3 นิ้วของไทยขอเดินตามรอย “ฮ่องกงโมเดล”
ก่อนหน้านี้ สื่อดังของออสเตรเลีย The Morning Sydney Herald ตั้งคำถามข้างต้นผ่านบทความชื่อ “Bangkok protests continue apace — is Thailand the next Hong Kong? เปรียบเทียบช็อตต่อช็อตของ “ความเหมือน” ระหว่างม็อบคนรุ่นใหม่ของเมืองไทยที่เริ่มชุมนุมกันปีนี้ กับม็อบคนรุ่นใหม่ของฮ่องกง ที่ลงถนนชุมนุมครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2562 ขณะที่สื่อใหญ่ของสหราชอาณาจักรอย่าง นิตยสาร Business Leader Magazine ก็ได้นำเสนอบทความประมวลภาพเศรษฐกิจครบรอบ 1 ปีของการชุมนุมดังกล่าวในฮ่องกง ตอกย้ำผลพวงม็อบฮ่องกงที่ “ฉุด” เศรษฐกิจฮ่องกงดิ่งเหวเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ก่อนจะถูกกระหน่ำซัดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 และยังมองไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวมาถึงวันนี้
บทความของ Business Leader Magazine ระบุว่า “การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยังคงยืดเยื้อข้ามปีถือว่าเป็น “วิกฤติเลวร้ายที่สุดของฮ่องกง นับตั้งแต่ปี 2540” ด้วยจำนวนผู้ชุมนุมจากตัวเลขประมาณการณ์ว่ามีราว 800,000 คน เพียงแค่ 3 เดือนของการชุมนุมทำให้ ฮ่องกง ในไตรมาส 3 ปี 2562 เศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เพราะกระทบโดยตรงกับภาคธุรกิจหลักๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศ ได้แก่ การท่องเที่ยว ค้าปลีก และการเงิน เป็นต้น
ค้าปลีก-ท่องเที่ยวดิ่ง จีดีพีร่วงในฮ่องกง
ผลพวงของการชุมนุมในฮ่องกง ฉุดยอดขายในภาคค้าปลีกร่วงไป 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยลดจาก 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงเมื่อเดือนมกราคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่มีเหตุการณ์ชุมนุม มาอยู่ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงในเดือนตุลาคม 2562 สาเหตุที่ค้าปลีกได้รับผลกระทบแรง ก็เนื่องจากมาจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และยังทำให้จีดีพีฮ่องกงลดลงถึง 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ การท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นเซคเตอร์สำคัญต่อเศรษฐกิจฮ่องกง ย้อนไปปี 2560 คิดเป็นสัดส่วนถึง 4% ของจีดีพีฮ่องกง ช่วยสร้างงาน 257,100 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 7% ของการจ้างงานโดยรวมในฮ่องกง โดยปี 2561 มีนักท่องเที่ยวไปเยือนฮ่องกงมากถึง 64.15 ล้านคน ดังนั้น เมื่อภาคท่องเที่ยวกระเทือน จึงกระทบเป็นลูกโซ่ถึงกลุ่มธุรกิจบริการและโรงแรม จากที่เคยมีการจองสูงถึง 91% เมื่อปีก่อนๆ ลดลงเหลือไม่ถึง 30% เมื่อต้นปีนี้ และยิ่งมาเจอโควิด-19 เมื่อต้นปี ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ หายไปถึง 98%
ม็อบ 3 นิ้ว “จุดเสี่ยง” เศรษฐกิจไทย
จากสถานการณ์ชุมนุมที่ยืดเยื้อมาราว 5 เดือนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นที่รู้จักในชื่อ ม็อบ 3 นิ้ว กำลังถูกจับตาว่า อาจกลายเป็น “จุดเสี่ยง” ต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เริ่ม “เห็นสัญญาณบวก” ภายหลังเป็นประเทศแรกๆ ของโลก ที่รับมือและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว จนถึงวันนี้ยังปลอดภัยจากการเข้าสู่การระบาดระลอก 2 ขณะที่ รัฐบาลเองก็ระดมหลากหลายมาตรการเชิงเศรษฐกิจ กระตุ้นการบริโภคในประเทศ เพื่อทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากสถานการณ์โควิดทั่วโลก โดยหลายโครงการได้รับการตอบรับจากประชาชนและภาคธุรกิจในทุกกขนาด เพราะรัฐเน้น “แบ่งเบา” ภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จูงใจให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย
นักเศรษฐศาสตร์จากกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง โนมูระ โฮลดิ้งส์ ถึงขั้นออกมาให้ความเห็นในช่วงที่สถานการณ์ชุมนุมมีความตึงเครียดก่อนหน้านี้ว่า การชุมนุมทางการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติถือเป็น “ความเสี่ยงใหม่” ที่จะซ้ำเติมไม่ให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอกาสลำดับแรกๆ ที่จะฟื้นตัวด้วยกลไกเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นแหล่งปั๊มรายได้ก้อนใหญ่เข้าประเทศไทย โดยเมื่อปี 2562 สร้างรายได้ให้ไทยถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยออกมาระบุว่า สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทยที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถือว่ามีความไม่แน่นอนสูง ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลกระทบความเชื่อมั่นในทุกด้านทั้ง เรื่องของการลงทุน การท่องเที่ยวที่ยังบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวเมื่อไหร่ แต่ยังโชคดีที่ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพรองรับแรงกดดันที่เกิดขึ้นได้
ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 38 ว่า “เราจะต้องใช้โอกาสที่เราเป็นเมืองที่ปลอดภัยจากโควิด-19 นี้ ในการสร้างการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพ ปรับพอร์ตการลงทุนในประเทศ ให้ดึงดูดนักลงทุนที่ดี รายใหญ่ ทั้งนี้รัฐบาลได้เริ่มเจรจากับหลายบริษัทแล้ว พบว่ามีผู้สนใจที่จะย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย และไม่ใช่เพียง EEC ซึ่งรัฐกำหนดเป้าหมายการลงทุนปีหน้าไว้ถึง 3 แสนล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี